JBL Flip และ JBL Charge เป็นลำโพงซีรีส์ยอดนิยมของไทยและของโลกนะครับ ถ้าคิดถึง JBL ก็ต้องมีลำโพง 2 รุ่นนี้แหละติดอันดับรุ่นที่คนจำได้เป็นรุ่นแรก ๆ ซึ่งวันนี้ Flip 7 และ Charge 6 รุ่นล่าสุดก็เดินทางมาถึงไทยเรียบร้อย พร้อมให้ซื้อหากันได้แล้ว
ดีไซน์ของ JBL Flip 7 ยังคงเป็นลำโพงทรงกระบอกเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือรองรับระดับการกันน้ำที่ IP68 จากรุ่นเดิมที่รองรับ IP67 ทำให้ทนทานต่อน้ำได้ดีกว่าเดิม แถมยังดีไซน์ให้ทนต่อการตกกระแทกมากกว่าเดิมด้วย เป็นลำโพงสายลุยบุกป่า ตากฝน ลงสระ ตกทะเล กลิ้งบนทรายก็ไม่น่าจะเป็นอะไร นอกจากนี้ยังดีไซน์ห่วงคล้องนิ้วใหม่ พร้อมตะขอ Carabiner ให้สามารถเกี่ยวลำโพงกับสิ่งรอบตัวได้ง่ายขึ้น
ในด้านเสียงก็มีการปรับปรุงเพิ่มเติม AI Sound Boost เข้าไป วิเคราะห์เสียงแบบเรียลไทม์เพื่อปรับแต่งการทำงานของไดรเวอร์ลำโพงทันที อย่างไรก็ตาม JBL Flip 7 ยังคงเป็นลำโพงแบบโมโนเหมือนเดิม แต่ก็สามารถเชื่อมต่อลำโพงหลาย ๆ ตัวได้ผ่านเทคโนโลยี Auracast บน Bluetooth 5.4
ที่ JBL ดันขึ้นมาเป็นเทคโนโลยีหลักของลำโพงเจนนี้เลย คือลำโพงหรือหูฟังที่รองรับ Auracast ก็สามารถเล่นเสียงพร้อม ๆ กันจากต้นกำเนิดเสียงหรือสถานี Auracast แห่งเดียวกันได้ทันที เหมือนเปิดวิทยุคลื่นเดียวกันยังไงอย่างนั้น
ในส่วนแบตเตอรี่ JBL เคลมว่า Flip 7 สามารถฟังเพลงต่อเนื่องได้ยาวสุด 16 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่า Flip 6 ที่ฟังต่อเนื่องได้ 12 ชั่วโมง ด้วยฟีเจอร์ Playtime Boost ที่ถ้าเปิดฟีเจอร์นี้ลำโพงจะลดย่านเบสลง ทำให้กินไฟน้อยลง ใช้งานได้เพิ่มจาก 14 ชั่วโมงเป็น 16 ชั่วโมง
JBL Flip 7 ชาร์จไฟด้วย USB-C เหมือนเดิม แล้วก็ไม่สามารถทำตัวเป็น Power Bank ไปชาร์จอุปกรณ์อื่นได้เหมือนเดิม (เก็บฟีเจอร์นี้ไว้ให้ Charge) แต่เพิ่มเติมคือช่อง USB-C ของ Flip 7 สามารถรับสัญญาณเสียงได้ สามารถต่อสายตรงจากโทรศัพท์ไปออกลำโพงได้เลย เพื่อให้คุณภาพเสียงที่ดีที่สุด หรือใช้ได้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณรบกวนคลื่น Bluetooth เยอะ ๆ ครับ
JBL Flip 7 วางขายในไทยแล้วในราคา 5,190 บาท มีหลากสีให้เลือกเหมือนเดิมตั้งแต่ ดำ, น้ำเงิน, ขาว, แดง, ชมพู, ม่วง และสีแซนด์
ดีไซน์ของ JBL Charge 6 นั้นก็ยังคงงานออกแบบคล้าย ๆ เดิมครับ คือเป็นลำโพงที่ใหญ่ขึ้นมาอีกระดับ จาก Flip ที่หนักราว ๆ 600 กรัม มาสู่ Charge ที่หนัก 1 กิโลกรัม ซึ่งส่วนที่แตกต่างจาก Charge 5 คือการเพิ่มสายหิ้วเก๋ ๆ เข้ามาให้ถือไปไหนมาไหนง่ายขึ้น แล้วก็เพิ่มการป้องกันฝุ่นและน้ำเป็น IP68 แล้ว แถมกันกระแทกด้วย
ในส่วนเทคโนโลยีเสียงก็จะเหมือนกับ Flip 7 คือมี AI Sound Boost วิเคราะห์เสียงเรียลไทม์เหมือนกัน เน้นการเชื่อมต่อลำโพงหลายตัวผ่านมาตรฐานกลางอย่าง Auracast เหมือนกัน แล้วก็มี Playtime Boost ที่ทำให้ใช้งานได้นานสุด 28 ชั่วโมง และพอร์ต USB-C ก็สามารถรับสัญญาณเสียงผ่านสายได้เหมือนกัน และทั้งคู่ก็เป็นลำโพงโมโนเหมือนกันครับ
แน่นอนว่าชื่อรุ่นว่า Charge ก็ต้องสามารถทำตัวเป็น Powerbank เสียบสายจาก USB-C ไปชาร์จมือถือได้ด้วย พกลำโพงไปตัวเดียว ไม่ต้องกลัวมือถือแบตหมดแล้ว
โดย JBL Charge 6 เปิดตัวที่ราคา 7,190 บาท และมีสีให้เลือกเหมือนกับ Flip 7
ความแตกต่าง | JBL Flip 7 | JBL Charge 6 |
---|---|---|
ลักษณะเสียง | เสียงแนว JBL แต่เสียงต่ำลงไม่ลึกมาก เสียงแหลมขึ้นไม่สูงมาก | เสียงแนว JBL แต่เบสลงลึกกว่า เสียงแหลมดีกว่า |
ความดัง | ดังขึ้นกว่ารุ่นที่แล้ว | ดังกว่า Flip 7 นิดเดียว |
ระยะเวลาใช้งาน | สูงสุด 16 ชั่วโมง | สูงสุด 28 ชั่วโมง |
น้ำหนัก | ราว 600 กรัม | ราว 1 กิโลกรัม |
ทำตัวเป็น Power Bank | ไม่ได้ | ได้ |
ราคา | 5,190 บาท | 7,190 บาท |