Amnesty International หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากลได้เปิดเผยแหล่งทำเงินมิจฉาชีพที่ครอบคลุมการดำเนินงานหลายรูปแบบที่มีการใช้งานแรงงานตั้งแต่เด็ก เหยื่อการค้ามนุษย์ ซึ่งถูกบังคับให้ทำงาน ถูกทรมานหรือขู่ด้วยความรุนแรงหากไม่ทำตามคำสั่งที่ได้รับ
Politics
Amnesty International หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากลได้เปิดเผยแหล่งทำเงินมิจฉาชีพที่ครอบคลุมการดำเนินงานหลายรูปแบบที่มีการใช้งานแรงงานตั้งแต่เด็ก เหยื่อการค้ามนุษย์ ซึ่งถูกบังคับให้ทำงาน ถูกทรมานหรือขู่ด้วยความรุนแรงหากไม่ทำตามคำสั่งที่ได้รับ
หน่วยงาน UNODC สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก รายงานว่าธุรกิจสแกมหรือการโจรกรรมทางไซเบอร์เช่นคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังแพร่ระบาดไปทั่วโลกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump )และอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ผู้สนับสนุนทางการเมืองคนสำคัญที่สุดของทรัมป์กำลังเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่มีรอยร้าว ทั้งคู่ต่างแสดงความคิดเห็นโจมตีกันผ่านโซเชียลมีเดียของตนเอง
สมาร์ตโฟน เครื่องมือที่ควรจะเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพในโลกยุคดิจิทัล กลับกลายเป็นเครื่องมือในการแทรกซึม ควบคุม และเฝ้าระวังประชาชนในประเทศเกาหลีเหนือ ภายใต้การนำของรัฐบาลคิมจองอึน ซึ่งอยู่ในระดับการควบคุมที่รุนแรงถึงขั้นจะพิมคำว่า “โอปป้า” ก็ยังทำไม่ได้! สำนักข่าว BBC ตีแผ่ข้อมูลของสมาร์ตโฟนเครื่องหนึ่งที่ถูกลักลอบนำออกจากเกาหลีเหนือ หลังได้รับข้อมูลจาก Daily NK องค์กรข่าวในกรุงโซลที่มีความเชี่ยวชาญด้านสถานการณ์ภายในเกาหลีเหนือ ตัวเครื่องแม้จะมีลักษณะภายนอกคล้ายสมาร์ตโฟนทั่วไป หน้าจอสัมผัสดีไซน์ทันสมัยและมีแอปพื้นฐานครบครัน แต่เมื่อเปิดใช้งานกลับเผยให้เห็นระบบซอฟต์แวร์ที่เต็มไปด้วยมาตรการควบคุมและสอดส่อง รายงานระบุว่า เมื่อเปิดเครื่องจะมีภาพเคลื่อนไหวของธงชาติเกาหลีเหนือโบกสะบัดขึ้นบนหน้าจอ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงอุดมการณ์ของรัฐตั้งแต่เริ่มต้น ขณะเดียวกัน อินเทอร์เฟซและรูปแบบการใช้งานของเครื่องมีความใกล้เคียงกับโทรศัพท์แบรนด์ Huawei หรือ Honor แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่าบริษัทเหล่านี้มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการในเกาหลีเหนือหรือไม่ หากมี ก็น่าจะเป็นเครื่องที่ถูกปรับแต่งซอฟต์แวร์ภายในตามข้อกำหนดของรัฐบาลโดยเฉพาะ
AI เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็สามารถนำมาใช้เผยแพร่ข้อมูลที่ผิด ๆ ได้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รัฐบาลสเปนพยายามผลักดันออกกฎหมายใหม่ หวังที่จะสกัด Deepfake ด้วยการกำหนดค่าปรับจำนวนมหาศาลกับบริษัทที่ไม่ติดป้ายกำกับเนื้อหาที่สร้างโดย AI