Apple อาจต้องยอมแบกภาษี 25% ดีกว่าผลิต iPhone ในสหรัฐฯ เพราะต้นทุนสูงกว่าเยอะ ด้าน Samsung ก็ไม่รอด

THE SUMMARY:

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศกร้าวเพิ่มภาษีนำเข้า iPhone ที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นการกดดันให้ Apple ย้ายฐานการผลิตจากต่างประเทศอย่าง จีน อินเดีย และเวียดนามกลับมายังสหรัฐอเมริกา ซึ่งการขู่ขึ้นภาษีในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ Apple แต่ Samsung ก็โดนด้วยเหมือนกัน

นักวิเคราะห์ กั๊ว หมิง จี (Ming Chi-Kuo) แสดงความเห็นว่า ระหว่างการแบกภาษี 25% กับการย้ายฐานการผลิตกลับมาที่สหรัฐอเมริกานั้น การแบกภาษี 25% จะเป็นผลดีสำหรับ Apple มากกว่าการที่ย้ายฐานการผลิตกลับมาสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้ แดน ไอฟ์ (Dan Ives) คำนวณว่า Apple จะต้องลงทุนเพิ่มอีกถึง 3 หมื่นล้านเหรียญ และต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 ปีกว่าที่ Apple จะย้ายห่วงโซ่อุปทานเพียงแค่ 10% กลับมาสหรัฐอเมริกา

บริษัทผู้ผลิตชิปอย่าง TSMC ได้สร้างโรงงานในรัฐแอริโซนาทำให้บริษัทต้องลงทุนมากถึง 4 หมื่นล้านเหรียญ Morgan Stanley บริษัทด้านดารลงทุนระบุว่า หากทรัมป์จริงจังกับการดึงฐานการผลิตกลับมาที่สหรัฐอเมริกา ทรัมป์ควรลงทุนด้านการศึกษาเพื่อฝึกอบรมทักษะที่จำเป็นมากกว่า สำหรับภาษีศุลกากรเป็นเพียงการแสดงท่าทีทางการเมืองที่จะทำให้ Apple ต้องเสียเงิน 900 ล้านเหรียญในไตรมาสปัจจุบัน

หากภาษี 25% ถูกบังคับใช้งานจริง Apple จะต้องจ่ายภาษีจำนวนเท่านี้ไปอีกนานต่อให้ Apple จะเลือกย้ายฐานการผลิตกลับมาสหรัฐอเมริกา เนื่องจากต้องใช้เวลาสร้างห่วงโซ่อุปทานขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่แค่ Apple ที่เจอปัญหาภาษีนี้ แม้แต่ Samsung ก็โดนด้วยเช่นเดียวกัน สินค้าของ Samsung ถูกผลิตในประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐอเมริกา แต่หากจะขายในอเมริกาก็จะโดนภาษี 25% เหมือนกัน ยกเว้นย้ายฐานการผลิตมาที่สหรัฐอเมริกา

สินค้าของ Samsung ส่วนใหญ่ผลิตขึ้นในประเทศเวียดนาม เช่นเดียวกับ Apple ที่ย้ายฐานการผลิตไปเวียดนามมากขึ้น ทั้ง 2 บริษัทมีแผนแบบเดียวกันคือจะใช้อินเดียเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งสินค้าไปยังสหรัฐอเมริกาเนื่องจากมีภาษีนำเข้าที่ต่ำกว่า แต่ก็โดนทรัมป์ขัดด้วยภาษี 25% เสียก่อน

ที่มา AppleInsider, Sammobile

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...