Huawei เปิดตัวอุปกรณ์สวมใส่รุ่นใหม่ล่าสุดกับ Huawei Watch 5 ซึ่งเป็นสมาร์ตวอตช์ระดับเรือธงและ Huawei Watch Fit 4 ซีรีส์ อุปกรณ์สวมใส่ราคาเข้าถึงง่าย ที่รอบนี้มาพร้อมรุ่น Pro แล้ว
Huawei Watch 5 เปิดตัวมาทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ 42 มม. และ 46 มม. โดยเรือนใหญ่จะใช้วัสดุที่ดีกว่า เป็นไทเทเนียมเกรดอุตสาหกรรมอวกาศและสเตนเลสสตีล 316L ส่วนรุ่นหน้าจอเล็กกว่ามีให้เลือกเฉพาะตัวเรือนแบบสเตนเลสสตีลเท่านั้น กระจกหน้าจอเป็นแซฟไฟร์
ที่น่าสนใจคือรุ่นนี้มาพร้อมกับเซนเซอร์ที่ด้านข้างของตัวเรือนที่มีเซ็นเซอร์วัดแรงกดรวมกับเซนเซอร์อิเล็กโทรด ECG เคลือบแก้วและเซ็นเซอร์ PPG โดย Huawei กล่าวว่าการไหลเวียนเลือดแดงขนาดเล็กที่ปลายนิ้วนั้นให้สัญญาณชีพจรที่ชัดเจนกว่าเมื่อเทียบกับเซ็นเซอร์ทั่วไป Huawei เรียกเซนเซอร์นี้ว่า X-Tap
Huawei Watch 5 มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Health Glance ที่จะสามารถตรวจจับค่าต่าง ๆ ของร่างกายได้ 9 อย่าง ได้แก่ อัตราการเต้นของหัวใจโดยเฉลี่ย, ความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ, SpO2, อุณหภูมิผิวหนัง, ความเครียด, ECG, ตรวจจับความแข็งตัวของหลอดเลือดแดง, ระบบการหายใจ และการรับรู้การหายใจขณะหลับ ผ่านการแตะเซนเซอร์ X-Tap เป้นเวลา 60 วินาที
นอกจากนี้ Huawei ยังเพิ่มการสั่งงานด้วยท่าทางแบบใหม่ โดยผู้ใช้งานสามารถสไลด์นิ้วสองครั้งหรือแตะนิ้วโป้งกับนิ้วชี้สองครั้งเพื่อสั่งงานแอปต่าง ๆ ได้ เช่น เมื่อมีนาฬิกาปลุก, เมื่อมีคนโทรเข้า และยังสามารถใช้เป็นปุ่มชัตเตอร์กล้องระยะไกลได้ด้วย แต่เฉพาะสมาร์ตโฟน Huawei เท่านั้น
สำหรับแบตเตอรี่มีฟีเจอร์ Ultra-Long Battery Life Mode ที่จะปิดการใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดที่ระบุไว้ข้างต้น แต่ยังคงเปิดใช้งานฟีเจอร์การติดตามสุขภาพพื้นฐานระยะยาวเอาไว้ ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเรือนยังรองรับการเชื่อมต่อ eSIM และ Wi-Fi 6 รองรับการใช้งานร่วมกับ iOS และ Android เริ่มวางจำหน่ายวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ ราคาเริ่มต้น 499 ยูโร หรือประมาณ 18,500 บาท
Huawei Watch Fit 4 เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Watch Fit 3 ที่รอบนี้มาพร้อมกับรุ่น Pro ที่เน้นเรื่องการตรวจจับสุขภาพและการออกกำลังกายมากขึ้น โดยรุ่น Pro มีความหนา 9.3 มม. หนัก 30.4 กรัม ความสว่างหน้าจอสูงสุด 3,000 nits มีเซนเซอร์ ECG ที่ปุ่ม ตัวเครื่องไทเทเนียมอัลลอยและกระจกแซฟไฟร์ ส่วนรุ่นธรรมดามีความบาง 9.5 มม. น้ำหนัก 27 กรัม ความสว่างหน้าจอสูงสุด 2,000 nits
Huawei Watch Fit 4 Pro เพิ่มโหมดกอล์ฟและโหมดดำน้ำ รวมถึงฟีเจอร์ใหม่สำหรับการวิ่งเทรล เช่น แผนที่แบบออฟไลน์ การติดตามเส้นทาง และการแจ้งเตือนหากไปผิดทาง ด้านเซนเซอร์เป็น Huawei TruSense มีระบบจัดการรอบเดือนและการรับรู้การหายใจขณะหลับ ซึ่งเป็นฟีเจอร์ 2 อย่างที่ Huawei Fit 4 ไม่มีให้เนื่องจากความแตกต่างของเซนเซอร์ภายใน
ทั้งสองรุ่นรองรับดาวเทียมแบบดูอัลแบนด์เพื่อความแม่นยำของโลเคชันที่ดีขึ้น โดยสามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้ทั้ง L1 และ L5 ทั้ง 2 รุ่นโฆษณาว่ามีแบตเตอรี่ที่รองรับการใช้งาน 7 วันสำหรับการใช้งานปกติ และ 10 วันหากปิดการใช้งานบางฟีเจอร์
Huawei Watch Fit 4 Pro มีราคาเริ่มต้น 249.99 ยูโร หรือประมาณ 9,300 บาท ส่วน Huawei Watch Fit 4 มีราคา 149.99 ยูโร หรือประมาณ 5,500 บาท เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 พฤษภาคมเช่นเดียวกัน