สรุปเนื้อหาจาก CTC2025 ช่วง Half Year Trends เมื่อ AI เข้ามาเปลี่ยนทุกอย่าง ต้องเร็วให้ทันโลก ช้าให้ทันตัวเอง

THE SUMMARY:

งาน Creative Talk Conference 2025 (CTC2025) กลับมาอีกครั้งระหว่างวันที่ 4 – 5 กรกฎาคม ซึ่งถือเป็นงานครั้งที่ 15 แล้ว ทีมงาน CEEi ได้มีโอกาสเข้าฟังเซสชั่นแรกของงาน เป็นภาพรวม Half Year Trends ในด้านต่าง ๆ ของปี 2025 ซึ่งมีเนื้อหาที่น่าสนใจหลายอย่างคือ

ภาพรวมและการเติบโตของ Creative Talk

เก่ง สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม CEO บริษัท RGB72 digital production

สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม ผู้จัดงาน Creative Talk ขึ้นเปิดเวทีเป็นคนแรก และอัปเดตความเป็นไปของบริษัทว่า Creative Talk ไม่ได้จัดแค่งานคอนเฟอเรนซ์นี้งานเดียว แต่ได้ขยายขีดความสามารถในการจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ

  • Professional Conference Organizer (PCO): ทาง Creative Talk ได้เปิดหน่วยงาน PCO ขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และปีนี้เริ่มทำอย่างจริงจัง โดยมีถึง 9 อีเวนต์ที่ต้องจัดในปีนี้ และจัดไปแล้ว 2 งานในช่วงครึ่งปีแรก
  • การขยายธุรกิจ: นอกจากงานในประเทศไทยแล้ว Creative Talk ยังได้ขยายไปจัดงานที่อื่น ๆ ด้วย เช่น CDC Leader 2025 ที่ลาวเมื่อต้นปี และมีแผนจะกลับไปลาวอีกครั้งเพื่อจัดงานด้าน Marketing นอกจากนี้ยังมีงาน Marketing Conference 2025 ในเดือนกันยายน โดยร่วมกับ Content Shifu
  • ช่องทางสื่อ: นอกจากงาน Conference แล้ว Creative Talk ยังคงเป็นผู้ผลิตสื่อผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น Facebook และ YouTube ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มียอดวิวรวม 11 ล้านในปีที่แล้ว และคาดว่าจะสูงถึง 20 ล้านในปีนี้

ธีมและแนวคิดของ CTC2025:

เก่ง สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม CEO บริษัท RGB72 digital production
เก่ง สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม CEO บริษัท RGB72 digital production

โลโก้และธีมของงานในปีนี้สะท้อนแนวคิดสำคัญด้วยแนวคิด “The Future is Worth a Thousand Words”:

  • สีโฮโลแกรม: การใช้สีโฮโลแกรม (Hologram) ในการออกแบบโลโก้และโปสเตอร์งาน สื่อถึงความคาดเดาไม่ได้ของโลกปัจจุบัน ทั้งจากข่าวเศรษฐกิจ การเมืองต่างประเทศ และการเมืองไทย ผู้จัดต้องการสื่อว่าอนาคตเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และภาพถ่ายที่ออกมาอาจมีโทนสีที่แตกต่างกันไป เช่น ม่วงหรือชมพู
  • “The Future is Worth a Thousand Words”: ธีมนี้ถูกเลือกมาจากการเปรียบเทียบกับสำนวน “A picture is worth a thousand words” โดยมองว่า “อนาคต” ในปัจจุบันไม่สามารถตีความได้ด้วยคำเดียว โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การปล่อยจรวด การใช้รถยนต์ไร้คนขับในการเกษตร ธีมนี้จึงสื่อว่าอนาคตเต็มไปด้วยความหมาย เรื่องราว และโอกาสที่ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน
  • มนุษย์และ AI: แม้ AI จะเป็นเครื่องมือที่ดี แต่ผู้จัดยังเชื่อใน “Beauty of Human error” (ความผิดพลาดของมนุษย์) ที่ยังคงมีเสน่ห์และความน่าสนใจ งาน Creative Talk ไม่ได้ปฏิเสธการใช้ AI แต่กระตุ้นให้ทุกคน “เร็วให้ทันโลก และช้าให้ทันตัวเอง” คือตามเทคโนโลยีให้ทัน แต่ก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้เครียดจากการเปลี่ยนแปลง
  • Opportunity Awareness และ FOMO Resistance: ผู้จัดเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองหาโอกาสเสมอ แม้ในยามวิกฤต และการ “ต้านทาน FOMO” (Fear Of Missing Out) คือไม่คล้อยตามกระแสมากเกินไป แต่ให้คิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบ
  • สถิติงาน: CTC2025 มีผู้ลงทะเบียนประมาณ 5,000 คน มีสื่อ 141 แห่ง และมีวิทยากร 114 คน กับ 60 เซสชัน ผู้เข้าร่วมสามารถดูย้อนหลังได้หากฟังไม่ครบ มีระบบติดตามการเข้าเซสชันของผู้เข้าร่วม
  • ประสบการณ์: หัวใจสำคัญ: ผู้จัดเชื่อว่าการหาประสบการณ์จะนำไปสู่การเรียนรู้ ความเก่ง และการมองเห็นโอกาส ซึ่งทำให้สามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชีวิตและการทำงานได้

ประเด็นจากเซสชั่น Creativity “รื้อและจินตนาการใหม่”

ดิศรา อุดมเดช จาก Yell Advertising และสุนาถ ธนสารอักษร จาก Accenture Song
ดิศรา อุดมเดช จาก Yell Advertising และสุนาถ ธนสารอักษร จาก Accenture Song

เซสชั่นแรกในช่วง Half Year Trends คือเรื่องของความคิดสร้างสรรค์โดย ดิศรา อุดมเดช จาก Yell Advertising และสุนาถ ธนสารอักษร จาก Accenture Song มาแชร์ประสบการณ์ด้าน Creative

  • AI กับ Creativity: AI เป็นเพียง “เครื่องมือ” ที่ทุกคนจะมีเหมือนกัน สิ่งที่ทำให้แตกต่างคือฝีมือและวิจารณญาณ (judgment) ของมนุษย์ในการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในจีน AI ถูกผลักดันให้ใช้อย่างแพร่หลายและฝังอยู่ในทุกบริการ
  • แนวคิดตะวันออก vs ตะวันตก:
    • ตะวันออก (จีน): เน้นความใหญ่ สเกล ความเร็ว (Chinese Speed) และการสร้างแบรนด์ที่อลังการ การทำงานเน้นการ Improvisation และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทุกอย่างต้องวัดผลได้ (ROI)
    • ตะวันตก (อเมริกา/Consulting): เน้น Framework, Process และการพิสูจน์ขั้นตอนที่ละเอียด การทำ Brand Framework จะเริ่มจาก Brand Purpose ก่อน แล้วค่อยขยายไปสู่ Customer Experience และ Business Support
      • เช่น Harley-Davidson ที่ Rebrand ตัวเองเป็น “Wellbeing Brand” และใช้ Tagline “Make space for the soul” เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ โดยปรับทุกอย่างให้เข้ากับคนรุ่นใหม่
  • Reinvention: คือการ “รื้อ” และ “จินตนาการใหม่ทั้งหมด” เหมือนทุบของเดิมทิ้งและสร้างขึ้นมาใหม่ โดยใช้ AI และ Data มาช่วย พร้อมใส่ Creativity เข้าไป ตัวอย่างคือ Minna Bank ของญี่ปุ่น ที่ reinvent ธนาคารใหม่ให้เป็น Digital Bank เจาะกลุ่มคน Gen Z ด้วยดีไซน์และฟีเจอร์ที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ใช่แค่แอปธนาคาร แต่ขยายไปสู่ไลฟ์สไตล์ มีคาเฟ่และ Merchandise
  • Creativity คือ Action: Creativity คือการนำไอเดียไปอยู่ใน Business Action ต่าง ๆ และสร้างมูลค่าเพิ่ม Creative ที่ดีต้องเริ่มต้นจากคณิตศาสตร์ คือสามารถคำนวณ Impact ของงานต่อธุรกิจได้
Minna Bank
Minna Bank

ประเด็นจากเซสชั่น Marketing “อย่าตัดการสร้างแบรนด์”

เซสชั่นนี้คุณโศรดา ศรประสิทธิ์ จาก PUBLICIS Group (ประเทศไทย) และ ภัทรา ภัทรสุวรรณ จาก KFC ได้บอกเล่าเคสที่น่าสนใจในแวววงการตลาด

โศรดา ศรประสิทธิ์ จาก PUBLICIS Group (ประเทศไทย)
โศรดา ศรประสิทธิ์ จาก PUBLICIS Group (ประเทศไทย)
  • การตลาดที่เน้น “ความคุ้มค่า”: ผู้บริโภคและนักการตลาดต่างมองหา “ความคุ้มค่า” ซึ่งไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่ต้องมีการ Balance และรวมคุณค่า
  • Data และ Personalization: ยังคง “จำเป็นมาก” ในการทำความเข้าใจผู้บริโภค เทคโนโลยีช่วยให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น สิ่งสำคัญคือ “Respect” และ “Relevant” ในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล และต้องใช้ Data เพื่อ “ทำให้ชีวิตลูกค้าง่ายที่สุด” ไม่ใช่เพื่อล่วงล้ำหรือทำให้รำคาญ ต้อง “รู้ใจแต่ไม่รุกล้ำ”
  • Attention Economy: คนในยุคปัจจุบันมีสมาธิสั้นลง (attention span) เนื่องจากมี Content มากมายและนิสัยที่ชอบความรวดเร็ว นักการตลาดต้องปรับตัวเพื่อดึงความสนใจอย่างรวดเร็ว โดยอาจใช้ Snackable Content (สั้น ๆ ฮุกแรง) หรือ Long Form Content ที่แบ่งเป็นส่วน ๆ
  • สร้าง “Feeling”: การสื่อสารต้องสร้าง “ความรู้สึก” (feeling) ให้เกิดขึ้นในใจ เพราะคนจะจดจำความรู้สึกที่มีต่อแบรนด์ได้ดีกว่าภาพหรือตัวอักษร
  • ชวนเล่น: โดยเฉพาะใน Social Media การชวนผู้บริโภคเล่น (Engage) ช่วยสร้างความจำและความผูกพันได้ ตัวอย่างคือแคมเปญหนังไก่ KFC ที่ชวนให้ผู้บริโภคกด “หัวใจ” ถ้าถึงจำนวนจะเอาหนังไก่ทอดมาขาย ที่สร้างความสนใจได้มาก ได้เอนเกจสูง โดยลงทุนการตลาดต่ำ
  • Loyalty Customer: ลูกค้าที่ภักดีกับแบรนด์ “ยังมีอยู่จริง” แต่ต้องเข้าใจว่าผู้บริโภคก็พร้อมจะเปลี่ยน แบรนด์ควรเรียนรู้ที่จะรักษาลูกค้าด้วย “ความจริงใจ” และใช้ข้อมูลให้เป็นประโยชน์ การสร้าง “Engagement” และ “Conversion” สำคัญกว่าการสร้าง Loyalty เพียงอย่างเดียว
  • Survivor Mode ของนักการตลาด: ในภาวะเศรษฐกิจไม่ดี สิ่งสำคัญคือ “อย่าลดคุณภาพและคุณค่าของแบรนด์เป็นอันขาด” ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและยืดหยุ่น “อย่าตัดการสร้างแบรนด์” เพราะนี่คือการลงทุนในระยะยาว และต้องแสดง “Empathy” กับลูกค้า
Key Takeaways
Key Takeaways

ประเด็นจากเซสชั่น Innovation “AI ในนวัตกรรม”

หัวข้อนี้คุณอรรถพล ทะแพงพันธ์ จาก iMoD และอมเรศ ชุมสาย ณ อยุธยา จาก Xpeng พูดคุยถึงเรื่องนวัตกรรมในวงการรถยนต์และอุปกรณ์ไฮเทค

อรรถพล ทะแพงพันธ์ จาก iMoD และอมเรศ ชุมสาย ณ อยุธยา จาก Xpeng
อรรถพล ทะแพงพันธ์ จาก iMoD และอมเรศ ชุมสาย ณ อยุธยา จาก Xpeng
  • อุตสาหกรรมยานยนต์ (Mobility):
    • Car Ownership: ยอดขายรถยนต์ใหม่ลดลง แต่รถมือสองเพิ่มขึ้น และมีการเช่ารถระยะยาว (Subscription) มากขึ้น
    • Software-Defined Car: ซอฟต์แวร์มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ ผู้ผลิตรถยนต์หารายได้ใหม่จากการ Subscription ฟีเจอร์ต่าง ๆ ในรถยนต์ ตัวอย่างคือ Apple CarPlay ที่ควบคุมระบบในรถยนต์ได้ลึกขึ้น
    • จีนผู้นำด้าน EV: รถยนต์จากจีนนำโลกในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และ AI จีนควบคุม Supply Chain ได้ดี แต่ก็มีแบรนด์ที่ล้มหายตายจากไป
    • Xpeng Model: เป็นบริษัทที่ไม่ได้ทำแค่รถยนต์ แต่สร้าง Ecosystem ของตัวเองตั้งแต่หุ่นยนต์ เครื่องบิน ไปจนถึงชิป AI การพัฒนาชิป AI ของตัวเองทำให้รถยนต์ฉลาดขึ้น ประมวลผลได้เร็วขึ้น และทำงานได้ลื่นไหล เช่น รถยนต์ที่ขายในไทยจะปรับอุณหภูมิได้ต่ำกว่าปกติ เพราะเก็บข้อมูลพฤติกรรมคนไทยที่ชอบแอร์เย็นจัด
  • Mobile และ Smart Everything:
    • 2M + AI: Mobile, Mobility และ AI เป็นเทรนด์หลัก Gadget ทั่วไปพยายามยัด AI เข้าไป
    • Project Astra จาก Google: เป็นตัวอย่างของ AI ในมือถือที่สามารถโต้ตอบได้เหมือนเพื่อน สามารถช่วยซ่อมจักรยาน หรือเป็น Jarvis ใน Iron Man
    • On-device AI: AI ในมือถือ/อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คือ Game Changer ที่ทำให้แต่ละอุปกรณ์โดดเด่นและสร้าง Ecosystem ที่แข็งแรง การประมวลผลของ AI ต้องการฮาร์ดแวร์ที่ดี ใช้พลังงานสูง จึงมีการพัฒนาชิปที่เล็ก กินพลังงานน้อย แต่ประมวลผลได้มากขึ้น
    • การแข่งขัน AI ที่ดุเดือด: ตลาด AI แข่งขันกันอย่างดุเดือด โดยมีผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Open AI (ChatGPT), Google (Project Astra, Gemini, Veo) และ Apple ที่กำลังรอจับตามองและอาจร่วมมือกับผู้ชนะในภายหลัง

ประเด็นจากเซสชั่น Business and Economy “การอยู่รอด”

คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา จาก Bitkub และคุณยอด ชินสุภัคกุล จาก LINE MAN Wongnai
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา จาก Bitkub และคุณยอด ชินสุภัคกุล จาก LINE MAN Wongnai

หัวข้อธุรกิจและเศรษฐกิจนี้คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา จาก Bitkub และคุณยอด ชินสุภัคกุล จาก LINE MAN Wongnai พูดถึงภาวะธุรกิจที่ยากขึ้นตลอด

  • AI First Company: บริษัทที่อยู่รอดในอนาคตต้องเป็น “AI First Company” หรือ “AI Driven Company” และพนักงานต้องเป็น “AI Enabled Employee” การลงทุนใน AI และการ Upskill บุคลากรจึงสำคัญมาก
  • จุดเปลี่ยนของระบบการเงินโลก: เตือนถึงวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐอเมริกา (US default) ซึ่งอาจนำไปสู่ Depression (ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำยาวนาน 10 ปี) ไม่ใช่แค่ Recession (6-18 เดือน)
  • Liquidity และ Bitcoin: บริษัทควรเริ่มสะสมสภาพคล่อง (Liquidity) เช่น Bitcoin ไว้ในงบดุลของตนเอง เพราะรู้ว่าโลกกำลังจะเปลี่ยนแปลง
  • “Greenest First” World Order: โลกกำลังมุ่งสู่การให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และ Carbon Pricing จะเข้ามามีบทบาท
  • ทิศทางสำคัญกว่าความเร็ว: ในการทำธุรกิจ “ทิศทาง” (Direction) สำคัญกว่า “ความเร็ว” (Speed) ซึ่งทิศทางตอนนี้คือ AI ต้องเข้ามามีบทบาทในการปรับธุรกิจ
  • การปรับตัวของพนักงาน:
    • Human Touch: งานที่ต้องการ Human Touch, Service Sector หรือ Social Skill ยังคงเป็นที่ต้องการในระยะกลาง
    • AI Transformation Company: มีโอกาสทางธุรกิจในการตั้งบริษัทที่ช่วย SME ในการ Adopt AI เหมือนในยุค Digital Transformation แต่จะยากกว่า เพราะ AI มันต้องเข้าไปในระดับลึกกว่า
    • AI Literacy Skill: คนที่ไม่มี AI Literacy Skill หรือใช้ AI ไม่เป็น จะตกงานเหมือนคนที่ใช้พิมพ์ดีดไม่เป็นในยุคคอมพิวเตอร์
    • Integrate AI into Workflow & Life Flow: พนักงานควรนำ AI มาใช้ในชีวิตประจำวัน (Life Flow) และการทำงาน (Workflow) เสมือนมีผู้ช่วยที่ฉลาดและทำงานได้ตลอด 24/7 โดยเสียค่าใช้จ่ายเพียง 650 บาทต่อเดือน (อ้างถึง Chat GPT Plus)

ประเด็นจากเซสชั่น People “ต้องเลือกที่จะกอดพนักงานที่ใช่ และกอดเงินที่ถูกต้อง”

คุณหนุ่ม-จักรพงษ์ เมษพันธุ์ จาก Money Coach และคุณจิตสุภา วัชรพล จากไทยรัฐ
คุณหนุ่ม-จักรพงษ์ เมษพันธุ์ จาก Money Coach และคุณจิตสุภา วัชรพล จากไทยรัฐ

หัวข้อนี้โดยคุณหนุ่ม-จักรพงษ์ เมษพันธุ์ จาก Money Coach และคุณจิตสุภา วัชรพล จากไทยรัฐ พูดถึงการบริหารคนในยุคเศรษฐกิจถดถอยและ AI

  • บริหารองค์กรด้วย Empathy: ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผู้นำต้องเข้าใจความเป็นมนุษย์ของลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน และตัวเอง องค์กรขับเคลื่อนด้วยคน และถ้าคนไม่พร้อม องค์กรก็ไปต่อไม่ได้ การรับฟัง (Deep Listening Skill) และการสร้างความสัมพันธ์ (Relationship) โดยเฉพาะแบบไม่เป็นทางการ (Informal) เช่น การทักทายกันในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งสำคัญ
  • การจัดการทางการเงินส่วนบุคคล: จุดเริ่มต้นคือ “รายได้” พนักงานควรทำหน้าที่การงานให้ดีที่สุด (เป็นมนุษย์ 100%) และใช้เวลาว่างในการวางแผนการเงินหรือหารายได้เสริม (อีก 100%) คือเป็นมนุษย์ 200% ทำให้เยอะกว่าที่เคย
  • ทักษะที่สูงขึ้น: เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้น แต่เงินเดือนอาจไม่เพิ่มเร็ว การพัฒนาทักษะให้เก่งขึ้นและกว้างขึ้น จะช่วยแก้ปัญหาการเงินและยกระดับคุณภาพชีวิตได้
  • “กอดงานให้แน่น” vs. “กอดเงินไว้”: สถานการณ์ของแต่ละบริษัทแตกต่างกัน ในช่วงที่ธุรกิจถดถอย อาจต้อง “เลือกที่จะกอดเงินสำหรับพนักงานบางคน แล้วเลือกที่จะกอดพนักงานบางคนแทนที่จะเป็นเงิน”
  • พนักงานที่ “น่ากอด”:
    1. พร้อมอุทิศเพื่อองค์กร: ไม่ใช่แค่ทำตามเวลา แต่พร้อมที่จะช่วยผลักดันให้องค์กรไปข้างหน้า
    2. ทำให้เพื่อนร่วมงานทำงานง่าย: สร้างบรรยากาศที่ดี และทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี
    3. คิดและสื่อสารเชิงรุก: เสนอแนวคิดและสิ่งที่จะช่วยปรับปรุงองค์กร
    4. Professional: ทำงานตรงเวลา ทำได้ดีกว่าที่คาดหวัง มองรอบด้าน คิดเผื่อเหลือเผื่อขาด
    5. ปรับตัว (Adapt): พร้อมที่จะปรับเปลี่ยนตามนโยบายที่อาจเปลี่ยนแปลงกะทันหัน
    6. Follow with Empathy: เข้าใจหัวหน้าและองค์กร เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
  • การตั้งรับเมื่อถูก Lay-off: ต้องมีเงินสำรอง (ไม่สร้างภาระเกินตัว) และ “พร้อมจะเปลี่ยน” คือไม่ยึดติดกับความรู้หรือวิธีการทำงานแบบเดิม ๆ พร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้ตลอดเวลา
  • ทักษะที่ต้องการในปีครึ่งหลัง: ความรอบด้าน การเรียนรู้ตลอดเวลา Commitment และ Professionalism คนที่ยังยึดติดกับ Job Scope จะไปต่อยาก

ข้อคิดส่งท้าย งาน CTC2025 เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปรับตัวและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกที่รวดเร็ว ทั้งในมิติของเทคโนโลยี เศรษฐกิจ และผู้คน การผสมผสานความคิดสร้างสรรค์เข้ากับเทคโนโลยีอย่าง AI และ Data พร้อมทั้งการให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์ Empathy และการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง จะเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาองค์กรและชีวิตให้ก้าวผ่านความท้าทายต่าง ๆ ไปได้อย่างยั่งยืน

บรรณาธิการ CEEi ดูแลเนื้อหาด้านเทคโนโลยี Gadget ทุกประเภท

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...