เมื่อ Google โดน AI ดิสรัปต์ตลาด Search Engine อย่างจัง งานนี้จะเหมือน Kodak หรือไม่?

เอ็ดดี้ คิว (Eddy Cue) ผู้บริหารระดับสูงของ Apple กล่าวยอดค้นหาในอุปกรณ์ iOS ด้วย Google Search ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี ซึ่งคิวเชื่อว่าการมาของ AI ทำให้ผู้ใช้งานค้นหาผ่าน AI กันมากขึ้น

ส่วนแบ่งตลาด Search Engine ลดลง

การที่คิวออกมาเปิดเผยข้อมูลนี้ถือส่าเป็นความเสี่ยงที่สูงของ Google โดยราคาหุ้นของ Alphabet หรือบริษัทแม่ของ Google ร่วงลงกว่า 7% เมื่อวันพุธ หลังจากสำนักข่าวต่าง ๆ รายงานคำพูดของคิว ส่งผลให้ Alphabet สูญเสียมูลค่าตลาดไปประมาณ 250,000 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ หุ้นของ Apple ยังร่วงลงมากกว่า 1% เมื่อปิดตลาด โดย Apple สร้างรายได้จากการที่ Google เป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นของทุกผลิตภัณฑ์ได้มากถึง 20,000 ล้านเหรียญ

ที่หนักกว่า Apple ก็คือ Google โดยคำพูดของคิวทำให้เกิดความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ใน Google Search จากข้อมูลของ Statcounter พบว่า Google ครองส่วนแบ่งตลาดค้นหามากถึง 89.7% ส่วน Bing ครองส่วนแบ่งเพียง 3.9% เท่านั้น แต่การมาของ AI อาจทำให้ส่วนแบ่งของ Google ลดลงได้อีก

ส่วนแบ่งตลาด Search Engine กว่า 90% ของ Google ลดลงจากประมาณ 93% ในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่ ChatGPT เปิดตัวครั้งแรก แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อย แต่ส่วนแบ่งตลาด Search Engine ของ Google ไม่เคยกลับมามากกว่า 90% อีกเลย ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาตามข้อมูลของ Statcounter ตามข้อมูลของ OpenAI พบว่ามีผู้คนประมาณ 400 ล้านคนที่ใช้ ChatGPT เป็นประจำทุกสัปดาห์

แม้ว่า AI อาจเข้ามาดิสรัปต์ Google ได้จริง แต่บริษัทยังคงเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดค้นหา นักวิเคราะห์ระบุว่าคำค้นที่ถูกถามผ่าน AI ส่วนใหญ่ไม่ใช่คำถามเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม อนาคตของ Google Search ก็ยังไม่แน่นอนนัก FactSet ระบุว่าหุ้นของ Alphabet ลดลงเกือบ 12% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

Google จะเป็นแบบ Kodak มั้ย?

มันเป็นไปได้ที่จะมีวันนั้นนะ

เบน ไรตส์

เบน ไรตส์ (Ben Reitzes) หัวหน้าฝ่ายวิจัยเทคโนโลยีที่ Melius Research บอกว่าสถานการณ์ของ Google ในปัจจุบันนั้นมีความคล้ายกับ Kodak ที่มองเห็นว่ากล้องดิจิทัลจะเป็นยุคต่อไปของการถ่ายภาพ หรือจริง ๆ คือ Kodak รู้ตัวอยู่แล้ว มันไม่สำคัญว่ายุคทองของดิจิทัลจะมาแทนที่กล้องฟิล์มเมื่อไหร่ แต่รู้ว่ามันจะมาแต่ไม่ทำอะไรเลย และที่สุดยุคใหม่ก็ตามทัน

อย่างไรก็ตาม Google มีการพัฒนา AI ของตัวเองมาตลอด อย่าง DeepMind แต่สำหรับผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ กลับไม่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมมากเท่ากับการที่ OpenAI เปิดตัว ChatGPT ออกมา จนทำให้กูเกิ้ลต้องรีบเปิดตัว Bard ซึ่งพัฒนามาเป็น Gemini ในปัจจุบันนี้ ซึ่งถือว่ากูเกิ้ลทำในจุดนี้ได้ดี ไม่เสียชื่อบริษัทใหญ่ที่วิจัยเรื่อง AI มายาวนาน

AI เข้ามาดิสรัปต์ Google ในหลาย ๆ แง่มุม นอกจากเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหา (Search) ของผู้ใช้งานที่ใช้หน้า Google น้อยลง ทำให้ไม่ต้องคลิกไปยังหน้าเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่ง Alphabet สามารถทำรายได้จากโฆษณาบนหน้าเสิร์ชได้มหาศาล เรียกว่ากระทบกับกระแสรายได้ของ Alphabet เป็นอย่างมาก และที่สำคัญคือ Alphabet ต้องสร้างรายได้และกำไร เมื่อพฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปใช้ AI ในการค้นหาข้อมูลแทน Google ก็ต้องหาทางที่จะสร้างเงินจาก AI ได้อีก ซึ่งดูเป็นเรื่องที่ยากกว่าการสร้างรายได้จาก Google คลาสสิค แถมการค้นหาด้วย AI ยังมีต้นทุนที่แพงกว่าการค้นเว็บมาก ๆ หรืออนาคตเราจะเห็นโฆษณาใน AI ด้วย?

แต่การที่ตลาด Search Engine ของ Google มีแนวโน้มหดตัวลง ก็ส่งผลกระทบต่อเว็บต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะที่ผ่านมากูเกิ้ลทำธุรกิจแบบ Win-Win กับบรรดาเว็บต่าง ๆ คือพาทราฟฟิกไปให้ เว็บก็ได้ยอดวิวและได้ค่าโฆษณา ในทางกลับกันแม้ว่า AI เจ้าต่าง ๆ จะมีการอ้างอิงข้อมูลว่ามาจากเว็บไหนบ้าง แต่ก็เทียบไม่ได้กับทราฟฟิกที่ Google ส่งให้เว็บ แถม AI ยังทำให้เว็บทำงานหนักโดยไม่ได้อะไรอีกด้วย เพราะ bot ของ AI มีการเก็บข้อมูลถี่กว่ากูเกิ้ลมาก แต่ไม่สร้างรายได้อะไรให้เว็บ

ไรตส์ระบุว่า Google ต้องหาทางเปลี่ยนแปลงใหม่ อย่าง Apple แม้ว่าบริษัทจะเปิดตัว iPhone ที่เห็น ๆ ว่าวันหนึ่งต้องมาแทนที่ iPod ที่ประสบความสำเร็จได้แน่ ๆ แต่หากมัวแต่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่น่าจะสู้ตลาดที่แข่งขันกันดุเดือดได้ และยิ่งเป็นยุคของ AI หลาย ๆ อย่างเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วกว่ายุคที่ผ่านมามาก

ที่มา Hindustan Times, Webpronews

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...