อดัม มอสเซริ (Adam Mosseri) CEO ของ Instagram ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Meta ได้ให้การในคดีต่อต้านการผูกขาดของ Federal Trade Commission (FTC) โดยกล่าวว่าในปี 2018 บริษัทกำลังตกในสภาวะที่น่าเป็นห่วงหลังผู้ใช้งานเริ่มลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการมาของแอปฯ น้องใหม่ ณ ขณะนั้นอย่าง TikTok
ในปี 2019 บริษัทประเมินได้ว่ามียอดผู้ใช้งานลดลงถึง 23% จากจำนวนผู้ใช้ Instagram ทั้งหมดในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจาก TikTok จากบริษัท ByteDance ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้จะเข้าสู่ยุควิกฤตการณ์ไวรัสโควิด-19 ก็ตาม
แม้ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ชัดเจนคือในตอนนี้เราจำเป็นต้องปรับตัว และต้องทำมันให้เร็วที่สุด
อดัม มอสเซริ (Adam Mosseri) CEO ของ Instagram เขียนข้อความถึงทีมของเขาในเดือนมีนาคม 2020
มอสเซริ ยังอธิบายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะให้การในคดีการผูกขาดครั้งนี้ ซึ่งทาง FTC กล่าวหาว่า Meta กำลังผูกขาดในตลาดโซเซียลมีเดีย ซึ่งตลาดนี้ยังรวมไปถึง Snapchat อีกด้วย
จากคำให้การของเขา ณ ศาลกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เผยว่า Instagram จำเป็นต้องฟื้นฟูตัวเอง เพราะ “ถ้าไม่เติบโต ก็มีแต่จะค่อย ๆ ตายลงไป” พร้อมเน้นย้ำให้เห็นว่าทาง Instagram มองเห็น TikTok เป็นคู่แข่งคนสำคัญมากเพียงใด และยังกล่าวอีกว่าแม้เนื้อหาฝั่ง entertainment จะกลายเป็นส่วนสำคัญมากขึ้น แต่ฟีเจอร์ในการเชื่อมต่อกับเพื่อนหรือครอบครัวก็ยังคงเป็นหัวใจหลักของบริการด้วยเช่นกัน ซึ่งการให้การในลักษณะนี้ก็อาจยังอยู่ในจุดที่ศาลสามารถพิจารณาว่า Meta ผูกขาดได้เช่นกัน
หลังจากเดือนมีนาคม 2020 Instagram เริ่มประสบความสำเร็จมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการแนะนำคอนเทนต์ผ่าน Reels ด้วยเทคโนโลยี AI แต่ฝั่ง TikTok เองก็ยังเป็นคู่แข่งตัวฉกาจที่สุดเท่าที่เผชิญมาด้วยเช่นกัน
ในขณะที่ Instagram พัฒนาฟีเจอร์ Reels ให้ดียิ่งขึ้น แต่ TikTok เองก็มีความคล้ายกับ Instagram มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งทางมอสเซริได้กล่าวว่า เขาเคยคิดว่า TikToK เป็นแอปฯง่าย ๆ สำหรับดูวิดีโอเท่านั้น แต่ตอนนี้ผมมองเห็นว่าพวกเขาก็มีส่วนร่วมในตลาดพอ ๆ กับเรา
เขายังระบุอีกว่า TikTok พยายามทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมโยงกับกลุ่มเพื่อนได้มากขึ้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ฟีดวิดีโอจากเพื่อน (ที่แม้ทางผู้บริหารของ TikTok จะเคยให้การก่อนหน้านี้ว่า มีเพียง 1% ของวิดีโอทั้งหมดที่ถูกรับชมจากฟีเจอร์นี้ก็ตาม…)
Meta ได้เน้นย้ำตลอดการพิจารณาคดีว่าการเชื่อมต่อกับกลุ่มเพื่อน และครอบครัวอาจกลายเป็นส่วนที่สำคัญน้อยลงของธุรกิจจากแรงกดดันทางการแข่งขัน แต่คำให้การของ มอสเซริ นั่นกลับยืนยันว่าการช่วยให้ผู้ใช้สามารถปฏิสัมพันธ์กับกลุ่มเพื่อนยังคงเป็นหัวใจหลักของ Instagram เช่นเดิม และสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างคู่แข่งได้
เขายังกล่าวอีกว่าการที่ Instagram ไม่ขยายไปสู่วิดีโอที่มีความยาวกว่าเดิมก็เพราะมันไม่เหมาะกับการแชร์ให้เพื่อน ๆ ดูสักเท่าไร และยังคิดว่ากลุ่มเพื่อนยังคงเป็นส่วนสำคัญในประสบการณ์นี้ แต่ก็ยอมรับว่าเมื่อตัวแอปฯเติบโตขึ้นสัดส่วนคอนเทนต์จากเพื่อนนั้นลดลงจริง ๆ
Instagram จะต้องให้ความสำคัญกับกลุ่มเพื่อนอยู่เสมอ
มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) CEO ของ Meta เขียนอีเมลถึง อดัม มอสเซริ (Adam Mosseri) CEO ของ Instagram ในปี 2018
มอสเซริ ยังเหมือนเป็นสะพานเชื่อมระหว่างทั้ง 2 บริษัท เพราะก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามารับตำแหน่ง CEO ของ Instagram เขายังเคยทำงานที่ Meta มาก่อน จึงมีแนวโน้มที่จะให้การกับศาลด้วยมุมมองที่เป็นกลางระหว่าง ซักเคอร์เบิร์ก ของฝั่ง Meta และ เควิน ซิสตรอม (Kevin Systrom) ผู้ร่วมก่อตั้ง Instagram เพราะเขาเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย
โดยเขาเองยังมองว่าการที่ Facebook เข้าซื้อ Instagram นั้นเป็น “ดีลที่ดีที่สุดตลอดกาล” และได้ประโยชน์ร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย Facebook ได้ไอเดียใหม่ ๆ จาก Instagram ในขณะที่ Instagram เองก็ได้ทรัพยากร และประสบการณ์ที่มีของ Facebook
ที่มา: The Verge