ยัง ลิ่ว (Young Liu) ประธานของ Foxconn บริษัทผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ออกแถลงการณ์ที่มีความสำคัญที่จะเป็นจุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมการผลิตในศตวรรษที่ 21 หรือการที่ AI จะเข้ามามีบทบาทในอุคสาหกรรมการผลิตด้วยเช่นกัน
ลิ่วบอกว่าปัจจุบัน AI สามารถทดแทนแรงงานในสายการผลิตได้ถึง 80% โดยโรงงานใหม่ในอนาคตจะได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ใช้อัลกอริทึมอัจฉริยะ ส่วนอีก 20% จะเป็นงานที่อาศัยความชำนาญเฉพาะทาง อย่าง วิศวกร นักวิเคราะห์ และผู้ควบคุมระบบปัญญาประดิษฐ์ เดิมทีบริษัทใช้แนวทางสร้างฐานผลิตในประเทศที่แรงงานยังราคาถูกหรือสามารถเปิดรับแรงงานข้ามชาติได้ แต่มีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เช่น แรงกดดันทางการเมือง และการไม่สามารถพึ่งพาประเทศที่มี GDP ต่ำได้ตลอดไปเป็นต้น
ข้อดีของสายการผลิตที่มีซอฟต์แวร์เป็น AI คือสามารถทำงานและเตรียมสายการผลิตได้ครอบคลุมถึง 80% ซึ่งเร็วกว่ามนุษย์และช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เป็นมนุษย์ลดขั้นตอนในการทำงานลง เหลือแค่ปัญหาที่มีความซับซ้อนและต้องใช้การตัดสินใจจริง ๆ เท่านั้น บริษัทเคยทดสอบใช้ AI แทนที่มนุษย์ทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถทำได้
แถลงการณ์นี้ออกมาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก หลายประเทศกำลังลงทุนในการพัฒนาโรงงานอัจฉริยะเพื่อลดการพึ่งพาแรงงาน โดยในจีน เกาหลีใต้ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา โรงงานต่าง ๆ ที่กำลังปรับตัวสู่สมัยใหม่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีแรงงานเพียง 1 ใน 10 คนเท่านั้นที่เป็นมนุษย์
การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมแรงงานในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของแรงงานเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีผลต่อระบบการศึกษาและนโยบายต่าง ๆ ด้วย
Foxconn เป็นซัปพลายเออร์รายสำคัญของโลกที่ทำหน้าที่ผลิตสินค้าให้บริษัทใหญ่ต่าง ๆ เช่น Apple, Nvidia และ Amazon สำหรับครั้งนี้ Foxconn ไม่ได้ทำแค่หุ่นยนต์หรือเครื่องจักรสำหรับการผลิตเท่านั้น บริษัทได้เตรียมไปถึงระบบอัตโนมัติที่จะสามารถปรับเปลี่ยนและวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์ได้ด้วย ลิ่วย้ำว่า AI จะสามารถดูแลงานด้านโลจิสติกส์ การทดสอบส่วนประกอบ หรือแม้แต่การบำรุงรักษาอุปกรณ์ในโรงงานการผลิตอัจฉริยะได้เช่นกัน