เมื่อปี 2000 บิล เกตส์ (Bill Gates) และเมลินดา เกตส์ (Melinda Gates) ได้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิ Gates Foundation โดยวางแผนที่จะให้มูลนิธิช่วยเหลือสังคมต่อไปแม้เขาจะเสียชีวิตลง แต่ดูเหมือนว่าเกตส์จะไม่อยากรอให้ถึงตอนนั้นแล้ว
ล่าสุดเกตส์ได้ประกาศว่า เขาจะบริจาคทรัพย์สินมูลค่า 200,000 ล้านเหรียญ (ราว 6.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นทรัพย์สินเกือบทั้งหมดของตัวเขาภายใน 20 ปีข้างหน้าก่อนที่มูลนิธิจะปิดตัวลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2045
ปัจจุบันทรัพย์สินสุทธิของเกตส์อยู่ที่ 108,000 ล้านเหรียญ โดย Bloomberg ได้จัดอันดับให้เขาอยู่ในอันดับที่ 5 ของดัชนีมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โดยเขากล่าวว่าการบริจาคเงิน 200,000 ล้านเหรียญใน 20 ปี จะทำให้ทรัพย์สินของเขาลดลง 99% โดยเงินส่วนนี้มาจากเงินบริจาคมูลค่า 77,000 ล้านเหรียญ (ราว 2.5 ล้านล้านบาท) ที่มีอยู่ และทรัพย์สินส่วนตัวของเขา รวมถึงรายได้จากการลงทุนทางธุรกิจ เช่น TerraPower บริษัทพลังงานนิวเคลียร์ที่เกตส์เป็นผู้ก่อตั้ง
การประกาศครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลของ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) กำลังดำเนินการลดเงินทุนสนับสนุนโครงการด้านสุขภาพ, การช่วยเหลือต่างประเทศ และการช่วยเหลือสาธารณะอื่น ๆ
จุดประสงค์ของการประกาศจะบริจาคทรัพย์สินของเกตส์ก็เพื่ออัดฉีดมูลนิธีเพื่อเร่งการช่วยเหลือด้านสุขภาพและความเสมอภาคในระดับโลก โดยหวังว่าการดำเนินการครั้งนี้จะเป็นแบบอย่างให้กับมหาเศรษฐีคนอื่น ๆ
ผู้คนจะพูดถึงหลายสิ่งเมื่อฉันตาย แต่ฉันตั้งใจให้ประโยค ‘เขาตายอย่างร่ำรวย’ ไม่ใช่หนึ่งในนั้น มีปัญหาเร่งด่วนมากมายที่ต้องแก้ไขจนฉันไม่สามารถครอบครองทรัพยากรที่สามารถนำไปใช้ช่วยเหลือผู้คน
ในอีก 20 ปี มูลนิธิเกตส์จะโฟกัสที่เป้าหมาย 3 ประการ ได้แก่
ในด้านผลกระทบของการตัดสินใจครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการสร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการการกุศลและภาคธุรกิจหลายฝ่ายให้มองว่านี่เป็นแนวทางที่สามารถเปลี่ยนโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเกตส์ได้แสดงให้เห็นว่า ความมั่งคั่งไม่ควรเป็นเพียงตัวเลขในบัญชี แต่สามารถนำไปใช้เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกได้อย่างแท้จริง ซึ่งเราอาจได้เห็นผลลัพธ์จากการบริจาคครั้งใหญ่ และโลกใบนี้อาจกลายเป็นสถานที่ที่ดีกว่าปัจจุบันได้
ที่มา : CNN