หลังจากวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก ซึ่งส่งผลต่อหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก ที่มักจะใช้ฐานการผลิตในประเทศแถบเอเชียเป็นหลัก ซึ่ง Apple ก็เป็นผู้เคราะห์ร้ายที่โดนเช่นเดียวกัน โดยหุ้นตกกว่า 8% และมูลค่าของตลาดก็ลดลงไปกว่า 851,500 ล้านบาท
จากเหตุการณ์ที่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก ที่เก็บขั้นต่ำ 10% สูงสุดที่ 49% โดยเฉพาะประเทศจีนที่ถูกเพ่งเล็งเป็นหลัก ถูกขึ้นภาษีนำเข้าสูงถึง 34% เนื่องจากเป็นฐานการผลิตของบริษัทเทคฯ ทั่วโลก และก็มีนักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities ที่ได้บอกว่า “นโยบายนี้เป็นสถานการณ์ที่แย่ที่สุด สำหรับนักลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี“
โดย Apple ก็เป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจาก โรงงานผลิตสินค้าหลักนั้น อยู่ในทวีปเอเชีย เช่น จีน อินเดีย และ เวียดนาม โดยประเทศเหล่านี้ ก็เป็นประเทศที่อยู่ในลิสต์ที่ถูกขึ้นภาษีนำเข้า หลังจากนี้ต้นทุนผลิตสินค้า Apple อาจสูงขึ้น และในอนาคต ผู้บริโภคอาจต้องซื้อสินค้าที่แพงขึ้น หรือแย่ที่สุด Apple อาจต้องแบกภาระต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น และกำไรบริษัทอาจหายไปหลักหมื่นล้านเหรียญก็เป็นได้
ตอนนี้ Apple ก็สูญเสียมูลค่าตลาดไปแล้ว 851,500 ล้านบาท (250,000 ล้านเหรียญ) จากเหตุหุ้นตกทันที 8% จากการประกาศมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลก แม้ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะยืนยันว่า การขึ้นภาษีนี้ไม่ใช่กลยุทธ์ในการเจรจา แต่เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ และทรัมป์ก็ระบุว่า นี่เป็นการปลดปล่อย เศรษฐกิจอเมริกันจากการพึ่งพาการนำเข้าให้น้อยลง
ที่มา : techcruch