เว็บไซต์ราชกิจจากิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ ‘พระราชกำหนด มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2)’ ที่มีการแก้ไขและปรับปรุงข้อจำกัดสำหรับรับมือกับแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยให้ผู้บริการมีส่วมร่วมรับผิดชอบด้วย
เหตุผลและความจำเป็นในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลตามพระราชกำหนดนี้ เพื่อคุ้มครองประชาชนผู้สุจริตซึ่งถูกหลอกลวงจำนวนมากและมีมูลค่าความเสียหายสูงมาก สมควรมีมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมประเภทนี้ให้หมดไปโดยเร็ว
พระราชกำหนดนี้ได้กำหนดมาตรการเพิ่มเติมหลายประการเพื่อป้องกันการก่ออาชญากรรม อย่าง
โดยมีความผิดและบทลงโทษที่สำคัญคือ
ประเด็นที่ประชาชนอาจให้ความสนใจมากเป็นพิเศษคือ พระราชกำหนดนี้ระบุในมาตรา 8/10 ให้ชัดเจนขึ้นว่าสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่าย ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้บริการอื่น ๆ ที่มีความเกี่ยวข้อง ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น เว้นแต่ผู้ให้บริการและสถาบันเหล่านั้นจะพิสูจน์ได้ว่าได้ปฏิบัติตามมาตรฐานหรือมาตรการเพื่อการป้องกันที่กำหนดแล้ว
มาตรา 8/10 ให้สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนร่วมรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เว้นแต่พิสูจน์ได้ว่าสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคมอื่น ผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ให้บริการสื่อสังคมออนไลน์ ได้ปฏิบัติตามมาตรฐานหรือมาตรการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือคณะกรรมการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ แล้วแต่กรณี
ที่มา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา