รู้จัก SK1000 แบคโฮรื้อซากตึก สตง. ค่าตัววันละกว่า 1 แสนบาท

ในโลกของเครื่องจักรกลหนัก รถแบคโฮคือหนึ่งในสัญลักษณ์ของพลังและความสามารถในการพลิกผันงานก่อสร้างให้สำเร็จลุล่วง แต่เมื่อพูดถึง “SK1000” ชื่อนี้ไม่ใช่แค่รถแบคโฮธรรมดา มันคือยักษ์ใหญ่ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย และกำลังกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้างด้วยความสามารถอันน่าทึ่งและเรื่องราวที่สะเทือนใจ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ SK1000 อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ที่มา สเปกสุดอลังการ ไปจนถึงบทบาทสำคัญที่ทำให้มันกลายเป็นมากกว่าเครื่องจักร

ที่มาของ SK1000

SK1000 เป็นรถแบคโฮรุ่นพิเศษจาก Kobelco บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรก่อสร้างชั้นนำของญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ด้วยการออกแบบเพื่อภารกิจหนักหน่วงอย่างการรื้อถอนอาคารขนาดใหญ่หรือการขุดเจาะในพื้นที่ที่ท้าทาย SK1000 ถูกนำเข้ามาในประเทศไทยโดยบริษัท ปิยะมิตร กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเพิ่งเริ่มใช้งานในประเทศเพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ แต่กลับกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็วจากภารกิจครั้งสำคัญที่สร้างความประทับใจให้กับคนทั้งชาติ

สเปก

สิ่งที่ทำให้ SK1000 โดดเด่นคือพลังและขนาดที่มหาศาล นี่คือตัวเลขที่ทำให้ทุกคนต้องตะลึง

  • น้ำหนักตัวเครื่อง: มากถึง 120 ตัน ทำให้มันมั่นคงและแข็งแกร่งในทุกสภาพพื้นผิว
  • ความสามารถในการยก: สามารถยกน้ำหนักได้ถึง 1,000 ตัน เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายวัตถุขนาดใหญ่ เช่น แผ่นคอนกรีตหนัก
  • แขนตักยาวพิเศษ: ด้วยความยาวกว่า 30 เมตร แขนของ SK1000 สามารถเข้าถึงจุดที่เครื่องจักรทั่วไปทำไม่ได้
  • พลังเครื่องยนต์: มาพร้อมเครื่องยนต์ทรงพลังที่ออกแบบมาเพื่อการทำงานต่อเนื่องในสภาวะสุดโหด
  • อุปกรณ์เสริม: ติดตั้งคีมหนีบสำหรับยกวัตถุขนาดใหญ่ ช่วยให้การรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายซากอาคารเป็นเรื่องง่าย

ด้วยสเปกเช่นนี้ SK1000 จึงถูกขนานนามว่า “จอมมารบู” ในวงการเครื่องจักรกลหนัก เพราะมันทั้งใหญ่ แข็งแกร่ง และพร้อมเผชิญทุกความท้าทาย

บทบาทในภารกิจแห่งความหวัง

SK1000 กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างจากเหตุการณ์ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ในช่วงเวลาที่ทุกคนต่างรอคอยความหวังในการค้นหาผู้สูญหาย SK1000 เดินทางมาถึงพื้นที่พร้อมกับความคาดหวังจากคนทั้งประเทศ ด้วยขนาดที่ใหญ่โต การเคลื่อนย้ายต้องใช้รถนำขบวนและใช้เวลาในการประกอบแขนตักราวหนึ่งชั่วโมง แต่เมื่อมันพร้อมทำงาน มันก็แสดงให้เห็นถึงพลังที่เหนือชั้น

รถแบคโฮคันนี้สามารถยกแผ่นคอนกรีตขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยน้ำหนักมหาศาลได้อย่างง่ายดาย ช่วยเปิดทางให้ทีมกู้ภัยเข้าถึงพื้นที่ชั้นบนของซากอาคารได้เร็วขึ้น ความสามารถนี้ไม่เพียงช่วยเร่งภารกิจ แต่ยังจุดประกายความหวังให้กับครอบครัวของผู้สูญหายที่รอคอยการกลับมาของคนที่รัก

หัวใจที่ยิ่งใหญ่กว่าขนาด

สิ่งที่ทำให้ SK1000 ไม่ใช่แค่เครื่องจักร แต่เป็นสัญลักษณ์ของน้ำใจคือการตัดสินใจของบริษัท ปิยะมิตร กรุ๊ป ที่นำรถแบคโฮคันนี้มาช่วยในภารกิจโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แม้ว่าค่าเช่าปกติของ SK1000 จะสูงถึงวันละ 100,000 บาท แต่ในยามวิกฤติ ผู้บริหารของบริษัทกล่าวว่า “เราไม่คิดเงิน เพราะรู้ว่าญาติของใครบางคนยังรออยู่ในซากนั้น” คำพูดนี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และทำให้ SK1000 ได้รับการยกย่องว่าเป็น “ยักษ์ใหญ่ใจดี”

ความท้าทายท่ากลางเสียงวิจารณ์

ถึงแม้ SK1000 จะได้รับคำชื่นชมมากมาย แต่ก็ไม่วายมีดราม่าตามมา บางคนตั้งคำถามว่าทำไมรถแบคโฮคันนี้ถึงมาถึงพื้นที่ช้า ต้องรอจนถึงวันที่สองของเหตุการณ์ ผู้บริหารของปิยะมิตร กรุ๊ป ได้ออกมาชี้แจงว่า การเคลื่อนย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องใช้เวลาและการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด คำชี้แจงนี้ช่วยคลายข้อสงสัย และย้ำให้เห็นว่า SK1000 ไม่ใช่แค่เครื่องจักรที่ทำงานหนัก แต่ยังต้องอาศัยความทุ่มเทจากทีมงานเบื้องหลัง

จากรถแบคโฮที่ออกแบบมาเพื่อการรื้อถอนและขุดเจาะ SK1000 ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง ความเสียสละ และพลังแห่งความสามัคคี มันแสดงให้เห็นว่าในยามที่ประเทศไทยเผชิญวิกฤติ เครื่องจักรและน้ำใจของมนุษย์สามารถรวมพลังกันเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ในอนาคต SK1000 อาจยังคงปรากฏตัวในงานก่อสร้างหรือภารกิจใหญ่ๆ อีกมากมาย แต่สำหรับวันนี้ มันคือ “ยักษ์ใหญ่ใจดี” ที่จะอยู่ในความทรงจำของคนไทยไปอีกนาน

SK1000 ไม่ใช่แค่รถแบคโฮที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่มันคือตัวแทนของพลังที่ยิ่งใหญ่ทั้งในด้านเทคโนโลยีและหัวใจของผู้คน คุณคิดว่า SK1000 จะสร้างตำนานอะไรต่อไป? มาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นกัน !

Follow Us
  • Facebook38.5K
  • X Network32.1K
  • Instagram18.9K

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...