พลิกโฉมประเทศ ! ซาอุฯ เซอร์ไพรส์โลก สร้างพิพิธภัณฑ์ยักษ์จาก ‘อิฐดินเหนียว’ ย้อนรอยประวัติศาสตร์

ช่วงนี้เราได้ยินข่าวซาอุดีอาระเบียมีแต่โปรเจกต์สุดล้ำ อย่างตึก The Line ที่จะยาวหลายร้อยกิโลเมตร ดูล้ำยุคเหมือนหลุดมาจากโลกอนาคตเลยใช่ไหม? แต่ล่าสุดพวกเขากลับมาเซอร์ไพรส์คนทั้งโลกด้วยการหันกลับไปหา “รากเหง้า” ของตัวเอง ด้วยการสร้างพิพิธภัณฑ์แห่งใหม่ชื่อว่า “พิพิธภัณฑ์มรดกอาซาน มิสก์” (Asaan Misk) ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้วัสดุก่อสร้างแบบโบราณสุด ๆ อย่าง อิฐอะโดบี (อิฐดินเหนียว) มาเป็นโครงสร้างหลัก ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่สิ่งก่อสร้างธรรมดาๆ แต่มันคือสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงอดีตกับอนาคต ตั้งตระหง่านอยู่ในดีริยาห์ เมืองเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ใกล้กรุงริยาด ชื่อ “Asaan” ที่แปลว่า “มรดกที่ตกทอดมาหลายรุ่น” นั้นสะท้อนถึงเจตนารมณ์ในการรักษาและส่งต่อคุณค่าทางวัฒนธรรมได้อย่างชัดเจน ตัวอาคารถูกออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยได้แรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของภูมิภาค ที่ใช้ดินเหนียว ฟาง และน้ำ ผสมผสานกันก่อนนำไปตากแดดจนแข็งแกร่ง วัสดุโบราณนี้ไม่เพียงแต่มีความทนทาน แต่ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้ภายในอาคารเย็นสบาย ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับสภาพอากาศร้อนจัดของทะเลทราย แถมวัสดุทุกอย่างที่ใช้ในการก่อสร้างก็เป็นวัสดุที่หาได้และผลิตขึ้นเองในท้องถิ่นอีกด้วย

แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเชิงโครงสร้างทั้งหมดว่ามีการเสริมคอนกรีตในบางส่วนหรือไม่ แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอนคือ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะมีขนาดใหญ่โตมโหฬารถึง 40,000 ตารางเมตร และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นคือ การออกแบบได้รับผิดชอบโดยสำนักงานสถาปัตยกรรมชื่อดังระดับโลกอย่าง Zaha Hadid Architects ภายในจะแบ่งออกเป็นพื้นที่ต่าง ๆ อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นลานภายในที่ให้ร่มเงาถึง 3 แห่ง ซึ่งโอบล้อมไปด้วยพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการถาวร โซนสำหรับจัดแสดงงานศิลปะ กิจกรรมทางการศึกษาต่าง ๆ รวมถึงส่วนสำนักงานบริหารจัดการ

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญที่ทำให้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้โดดเด่นไม่เหมือนใครคือห้องปฏิบัติการอนุรักษ์โบราณวัตถุ ที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการฟื้นฟู ซ่อมแซม และเก็บรักษาโบราณวัตถุอันล้ำค่า ซึ่งจะช่วยให้มั่นใจได้ว่า มรดกทางวัฒนธรรมของชาติจะถูกส่งต่อคุณค่าเหล่านี้ไปสู่คนรุ่นใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

การออกแบบภายนอกของอาคารยังคงเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมสไตล์ดั้งเดิมของภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสไตล์นัจดิ ที่พบเห็นได้ทั่วไปในซาอุดีอาระเบีย สีภายนอกของอาคารใช้โทนสีทรายหรือน้ำตาลอ่อน ซึ่งเลียนแบบสีของวัสดุก่อสร้างดั้งเดิมอย่างดินเหนียวหรืออิฐดินเผา ทำให้ตัวอาคารดูกลมกลืนและเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมทะเลทรายโดยรอบอย่างเป็นธรรมชาติ รูปทรงของอาคารมีความเป็นเรขาคณิตที่ชัดเจน ผนังถูกออกแบบมาให้หนาและมีหน้าต่างขนาดเล็ก เพื่อช่วยลดความร้อนจากแสงแดดภายนอก นอกจากนี้ ยังมีการจัดวางอาคารอย่างเป็นระเบียบ มีลานเปิดโล่งและพื้นที่สำหรับรวมกลุ่มของคนเดินเท้า และที่พิเศษคือ ผนังบางส่วนมีการเจาะลวดลายช่องแสงที่เรียกว่า Mashrabiya หรือ Motiff ซึ่งไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามทางสถาปัตยกรรม แต่ยังช่วยให้แสงธรรมชาติส่องลอดผ่านเข้ามาภายในและระบายอากาศได้ดีเยี่ยม

เว็บไซต์ Asaan กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะเป็นศูนย์รวมแรงบันดาลใจ เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของสังคมได้มีส่วนร่วมในการสร้างและสืบสานอารยธรรมและมรดกทางวัฒนธรรมของราชอาณาจักร โครงการยักษ์นี้อยู่ภายใต้ความร่วมมือกับมูลนิธิ Misk Foundation ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรของซาอุดีอาระเบีย และถือเป็นส่วนสำคัญของ “Saudi Vision 2030” แผนยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งมั่นจะเปลี่ยนโฉมประเทศให้มีความทันสมัยและมีความหลากหลายทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมมากยิ่งขึ้น ผ่านโครงการระดับโลกอย่าง Neom, Mukaab และ JEC Tower ถึงแม้ว่ากำหนดการเปิดพิพิธภัณฑ์อย่างเป็นทางการจะยังไม่ถูกเปิดเผย แต่โปรเจกต์นี้ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า ซาอุดีอาระเบียไม่ได้มองไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังให้ความสำคัญกับการหวนคืนสู่รากเหง้าอันล้ำค่าของตนเองด้วย

ที่มา archilovers, newatlas

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...