ในยุคที่เทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน การทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของตนเองกลายเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อเลือกใช้เครื่องมือทางการเงินอย่างบัตรเครดิตและแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสมและชาญฉลาด ล่าสุด “fintips by ttb” ได้นำเสนอแนวคิด “Money Language” หรือภาษาทางการเงิน 5 รูปแบบ ที่ช่วยให้แต่ละบุคคลเข้าใจสไตล์การบริหารเงินของตนเองได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้สอดรับกับไลฟ์สไตล์และความต้องการส่วนบุคคล
“Money Language” คืออะไร?
Money Language หรือ “นิสัยการใช้เงิน” คือ รูปแบบพฤติกรรมการใช้จ่ายที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ซึ่งได้รับอิทธิพลจากไลฟ์สไตล์ ความเชื่อ และทัศนคติ การทำความเข้าใจ Money Language ของตนเองจะช่วยให้:
- บริหารจัดการเงินส่วนบุคคลได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับแอปพลิชันทางการเงิน
- ตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น บัตรเครดิต ที่มีฟีเจอร์และสิทธิประโยชน์ตรงใจ
- ตั้งเป้าหมายทางการเงินที่สอดคล้องกับความเป็นจริงและพฤติกรรมของตน
- รู้เท่าทันการใช้จ่ายของตนเอง และสามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเงิน
- สร้างอุปนิสัยการใช้จ่ายที่ดี โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วย
5 สไตล์ “Money Language” กับการเลือกใช้บัตรเครดิตและแอปพลิเคชันยุคใหม่:
- The Spend-o-holic (นักช้อปตัวยง): กลุ่มที่รักการใช้จ่ายเพื่อความสุขทางใจ อาจพบว่าการออมเป็นเรื่องท้าทาย
- เทคโนโลยีช่วยได้: บัตรเครดิตที่มีแอปพลิเคชันช่วยตั้งลิมิตการใช้จ่ายต่อวัน/ต่อครั้ง, ระบบแจ้งเตือนยอดใช้จ่ายแบบเรียลไทม์, หรือฟีเจอร์ควบคุมวงเงินผ่านแอป (เช่น ที่พบใน ttb touch) จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการรักษาสมดุลทางการเงิน
- The Entertainer (ยอดนักเอ็นเทอร์เทน): ให้คุณค่ากับการใช้ชีวิตและค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ
- เทคโนโลยีช่วยได้: บัตรเครดิตประเภทสะสมคะแนนที่สามารถแลกสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เช่น ส่วนลดกิจกรรม ตั๋วชมภาพยนตร์ หรือการเดินทาง แอปพลิเคชันที่ช่วยวางแผนงบประมาณและติดตามการใช้จ่ายแยกหมวดหมู่อย่างชัดเจน จะช่วยให้สนุกกับชีวิตได้โดยไม่กระทบการเงิน
- The Worrywart (จอมกังวล): มักกังวลเรื่องการเงินจนอาจเข้มงวดกับการใช้จ่ายมากเกินไป
- เทคโนโลยีช่วยได้: บัตรเครดิตและแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องสามารถเป็นเครื่องมือติดตามการใช้จ่ายที่แม่นยำ ช่วยให้เห็นภาพรวมการเงินที่แท้จริง นอกจากนี้ การใช้บัตรอย่างมีวินัยยังช่วยสร้างประวัติเครดิตที่ดี ซึ่งเป็นประโยชน์ในการขอสินเชื่อในอนาคต ฟีเจอร์ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยของบัตรเครดิต (เช่น 50 วันของบัตร ttb เมื่อชำระเต็มจำนวน) ยังเป็นประโยชน์ในยามฉุกเฉิน
- The Super Saver (ตัวจริงเรื่องเก็บออม): เน้นความคุ้มค่า มองหาช่องทางประหยัด และตั้งเป้าหมายการออมเพื่อความมั่นคง
- เทคโนโลยีช่วยได้: บัตรเครดิตประเภทเครดิตเงินคืน (Cashback) ที่ให้เงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (เช่น บัตรเครดิต ttb ที่ให้เงินคืน 1% เข้าบัญชี ttb no-fixed) จะตอบโจทย์ความคุ้มค่าได้ดีกว่าการใช้เงินสด และแอปพลิเคชันที่ช่วยวางแผนการลงทุนต่อยอดเงินออม
- The Happy Medium (มนุษย์สายกลาง): สามารถสร้างสมดุลระหว่างการใช้จ่ายเพื่อความสุขและการออม มีความรอบคอบและรับผิดชอบ
- เทคโนโลยีช่วยได้: บัตรเครดิตที่มีสิทธิประโยชน์หลากหลาย ทั้งคะแนนสะสมหรือเครดิตเงินคืน จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายและตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย แอปพลิเคชันที่ช่วยจัดการรายจ่ายและติดตามเป้าหมายทางการเงินทั้งระยะสั้นและยาว จะช่วยรักษาสมดุลชีวิตได้เป็นอย่างดี
การทำความเข้าใจ “Money Language” ของตนเองและคนใกล้ชิด ไม่เพียงช่วยให้เลือกใช้บัตรเครดิตและเครื่องมือ Fintech อื่นๆ ได้อย่างคุ้มค่าและชาญฉลาดที่สุด แต่ยังนำไปสู่การบริหารจัดการการเงินที่มีความสุขและยั่งยืนยิ่งขึ้นในยุคดิจิทัล

See Culture. Spark Innovation. Illuminate the Future.