สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เตรียมเดินหน้าบูรณาการระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยมีแผนที่จะนำเทคโนโลยีระบบแจ้งเตือนภัยฉุกเฉิน (Emergency Warning System: EWS) ผ่านโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลมาเชื่อมโยงกับระบบแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือ (cell broadcast) พร้อมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้ช่องหมายเลข 1 เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารเรื่องภัยพิบัติ
ความคืบหน้าดังกล่าวเป็นผลจากการหารือตลอดวันเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ที่สำนักงาน กสทช. โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช. เป็นประธานในการประชุม ร่วมกับผู้แทนจากหน่วยงานสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการสื่อสารภัยพิบัติ อาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES), กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.), โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.), ผู้ประกอบการโครงข่ายโทรทัศน์ดิจิทัล (ททบ., กรมประชาสัมพันธ์, ไทยพีบีเอส) และสมาคมโทรทัศน์ระบบดิจิตอล (ประเทศไทย)
ระบบ EWS ผ่านโครงข่ายโทรทัศน์ดิจิทัลนี้ มีศักยภาพในการกระจายข้อมูลภาพและเสียงในวงกว้าง สามารถแจ้งเตือนภัยได้ทั่วประเทศพร้อมกัน หรือเลือกแจ้งเตือนเฉพาะพื้นที่ได้ตามสถานการณ์ ทำให้ประชาชนที่กำลังรับชมโทรทัศน์ดิจิทัลภาคพื้นดินสามารถเข้าถึงข้อมูลการแจ้งเตือนได้อย่างทันท่วงที
ขณะนี้ สถานีโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.) ได้มีการประสานงานกับ กสทช. เพื่อทดลองและพัฒนาระบบดังกล่าว โดยได้มีการทดสอบเบื้องต้นในระบบปิดซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี จากการสำรวจทางเทคนิคเบื้องต้น พบว่าโครงข่ายของ ททบ. และไทยพีบีเอส มีความพร้อมในการทดลองระบบเปิด ครอบคลุมผู้ชมโทรทัศน์ดิจิทัลภาคพื้นดินถึงประมาณ 88%
อย่างไรก็ตาม ยังมีรายละเอียดทางเทคนิคและการประสานงานระหว่างผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์, ผู้ให้บริการช่องรายการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม ทำให้ กสทช. ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาและเตรียมการพัฒนาระบบ EWS ผ่านทีวีดิจิทัลอย่างจริงจัง โดยมีรองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน และศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรองฯ เป็นที่ปรึกษา
ในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนจาก ปภ. ได้รายงานความคืบหน้าของระบบแจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ Cell Broadcast ซึ่ง กสทช. ได้ให้การสนับสนุนงบประมาณแก่ ปภ. ในการเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการ โดย ปภ. จะเป็นผู้รวบรวม ตรวจสอบข้อมูล และกำหนดข้อความในการเผยแพร่ ขณะที่กระทรวงดิจิทัลฯ จะทำหน้าที่เชื่อมต่อระบบ Cloud Server และการเชื่อมต่อกับศูนย์ Cell Broadcast Center (CBC) โดยจะใช้มาตรฐานกลาง Common Alert Protocol (CAP) ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลรองรับการแจ้งเตือนภัยพิบัติทุกประเภทผ่านทุกช่องทางการสื่อสาร
นอกจากนี้ กสทช. ยังให้ความสำคัญกับการมีช่องทางเฉพาะสำหรับการสื่อสารภัยพิบัติที่น่าเชื่อถือในระดับสาธารณะ โดยก่อนหน้านี้ได้เคยมีมติเห็นชอบให้ ทรท. ทดลองส่งสัญญาณโทรทัศน์ดิจิทัล ช่องหมายเลข 1 เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการแจ้งเตือนภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัญหาด้านการบริหารจัดการเนื้อหาและการลงนามข้อตกลงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่แล้วเสร็จ ทำให้การดำเนินการยังไม่เกิดขึ้นจริง ที่ประชุมจึงเห็นควรที่จะหารือกับ ปภ. และหน่วยงานต่างๆ เพื่อพิจารณาถึงผู้มีอำนาจสั่งการตามกฎหมายในแต่ละประเภทภัยพิบัติ เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อยากให้มองไปข้างหน้าและพยายามหาทางทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานอย่างบูรณาการกันมากที่สุด เพื่อไม่ให้ประเทศเสียโอกาสจากการขาดระบบสื่อสารภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ แม้จะมีหลายแพลตฟอร์ม แต่ก็ต้องมีการออกแบบให้เหมาะสมกับประเภทของภัยที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงและดูแลประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กสทช.
การบูรณาการระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติผ่านโครงข่ายโทรทัศน์และโทรศัพท์มือถือนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยและลดผลกระทบจากภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดย กสทช. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบให้มีประสิทธิภาพ ครอบคลุม และเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม