Apple เปิดเผยฟีเจอร์ ‘ช่วยเหลือการเข้าถึง’ หรือ ‘Accessibility’ ใหม่ สำหรับ iPhone, iPad, Apple Watch, Mac และ Apple Vision Pro ก่อนงานใหญ่ประจำปี WWDC25 และจะเปิดให้ใช้งานฟีเจอร์ใหม่ทั้งหมดภายในปีนี้
เป็นประจำของทุก ๆ ปีก่อนงานใหญ่กลางปีอย่าง WWDC25 ทาง Apple จะมีการเปิดเผยลิสต์ฟีเจอร์ ‘ช่วยเหลือการเข้าถึง’ หรือ ‘Accessibility’ ใหม่ที่จะมีการเปิดให้คนทั่วไปใช้งานภายในปีนนี้ ซึ่ง Apple เป็นบริษัทที่ใส่ใจเรื่องการพัฒนาฟีเจอร์สำหรับผู้บกพร่องการเข้าถึง ๆ แต่ต้องการใช้งานอุปกรณ์ iPhone, iPad, Apple Watch, Mac และ Apple Vision Pro
การทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงได้สำหรับทุกคนคือหัวใจสำคัญของทุกสิ่งที่เราทำ และเรารู้สึกภูมิใจมากที่ได้แบ่งปันนวัตกรรมใหม่ ๆ ในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องมือที่ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลสำคัญ สำรวจโลกรอบตัว หรือทำในสิ่งที่พวกเขารัก
– ทิม คุก ซีอีโอ Apple
2. แอปฯ แว่นขยาย (Magnifier) สำหรับ Mac นำแอปแว่นขยายยอดนิยมจาก iPhone และ iPad มาสู่ Mac ช่วยให้ผู้มีสายตาเลือนรางซูมดูสิ่งต่างๆ บนหน้าจอหรือรอบตัวได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และทำงานร่วมกับกล้องต่อเนื่องบน iPhone ได้
3. เครื่องจดอักษรเบรลล์ (Braille Access) เปลี่ยนอุปกรณ์ Apple ให้เป็นเครื่องจดโน้ตอักษรเบรลล์ครบวงจร รองรับการป้อนข้อมูลด้วยอักษรเบรลล์บนหน้าจอหรืออุปกรณ์เชื่อมต่อ การคำนวณด้วย Nemeth Braille และการเปิดไฟล์รูปแบบ Braille Ready Format (BRF) โดยตรง
4. โหมดการอ่าน Accessibility Reader : โหมดการอ่านใหม่ครอบคลุมทั้งระบบ ช่วยให้ผู้มีภาวะดิสเล็กเซียหรือสายตาเลือนรางอ่านข้อความได้ง่ายขึ้น โดยสามารถปรับแต่งฟอนต์ สี และระยะห่างบรรทัดได้
5. คำบรรยายสดบน Apple Watch : ผู้ใช้สามารถดูคำบรรยายสดของสิ่งที่ iPhone ได้ยินผ่านคุณสมบัติฟังสด (Live Listen) บน Apple Watch ที่จับคู่ไว้ พร้อมควบคุมการทำงานได้จากนาฬิกา
7. อัปเดตคุณสมบัติการเข้าถึง visionOS บน Apple Vision Pro
8. เสียงเบื้องหลัง (Background Sounds) : ปรับแต่งได้ง่ายขึ้นด้วย EQ ใหม่, ตัวเลือกหยุดเสียงอัตโนมัติ และการทำงานร่วมกับคำสั่งลัด (Shortcuts)
9. เสียงส่วนตัว (Personal Voice) : สร้างเสียงสังเคราะห์ที่คล้ายเสียงผู้ใช้ได้เร็วขึ้นและเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นโดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยเสียงบันทึกเพียง 10 วลี และรองรับภาษาสเปน (เม็กซิโก) เพิ่มเติม
10. จุดนำสายตาเมื่ออยู่บนรถ (Vehicle Motion Cues) บน Mac : เพิ่มฟีเจอร์จุดนำสายตาขณะใช้งานบนรถยนต์บน Mac ครั้งแรก ช่วยลดอาการเมารถ
11. การติดตามดวงตา (Eye Tracking) – ติดตามศีรษะ (Head Tracking) : ผู้ใช้การติดตามดวงตาบน iPhone และ iPad สามารถเลือกใช้การกดสวิตช์หรือการอยู่นิ่งเพื่อสั่งการได้ และปรับปรุงการพิมพ์ และใช้ศีรษะเพื่อการควบคุม iPhone และ iPad ได้
12. รองรับ Brain Computer Interfaces (BCIs) : iOS, iPadOS และ visionOS จะเพิ่มโปรโตคอลใหม่เพื่อรองรับการควบคุมสวิตช์สำหรับเทคโนโลยี BCI
13. โหมดช่วยเหลือการเข้าถึง (Assistive Access) : มาพร้อมแอป Apple TV ที่ปรับแต่งใหม่ และ API ให้นักพัฒนาสร้างประสบการณ์เฉพาะสำหรับผู้มีความบกพร่องทางสติปัญญา
14. การสั่นตามเพลง (Music Haptics) บน iPhone : ปรับแต่งฟีเจอร์ Music Haptics ได้มากขึ้น โดยเลือกระบบตอบสนองด้วยการสั่นตลอดทั้งเพลง หรือเฉพาะช่วงเสียงร้อง และปรับระดับความแรงได้
15. การจำเสียง (Sound Recognition) : เพิ่มคุณสมบัติการจดจำชื่อ (Name Recognition) เพื่อแจ้งเตือนเมื่อมีคนเรียกชื่อผู้ใช้
16. การสั่งการด้วยเสียง (Voice Control) : เพิ่มโหมดการเขียนโปรแกรมใน Xcode, ซิงค์คำศัพท์ระหว่างอุปกรณ์ และขยายการรองรับภาษาใหม่ๆ
17. คำบรรยายสด (Live Captions) : รองรับภาษาเพิ่มเติมหลายภาษา
17. การอัปเดต CarPlay : เพิ่มการรองรับข้อความขนาดใหญ่ และการจำเสียงสำหรับเสียงเด็กร้อง หรือเสียงจากภายนอกรถ เช่น แตรและไซเรน
18. การแชร์การตั้งค่าการช่วยการเข้าถึง (Share Accessibility Settings) : แชร์การตั้งค่าการช่วยการเข้าถึงไปยัง iPhone หรือ iPad เครื่องอื่นได้อย่างรวดเร็ว และชั่วคราวได้
ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา Apple ไม่เคยหยุดสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการช่วยการเข้าถึง และวันนี้เรายังคงเดินหน้าต่อไปด้วยคุณสมบัติใหม่ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเรา
– ซาร่าห์ เฮอร์ลิงเกอร์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าย Global Accessibility Policy and Initiatives ของ Apple
นอกจากการเปิดตัวคุณสมบัติใหม่แล้วทาง Apple ก็ยังมีกิจกรรมเฉลิมฉลอง ‘วันตระหนักรู้ถึงการเข้าถึงอย่างเท่าเทียม (Global Accessibility Awareness Day)’ ตลอดเดือนพฤษภาคม ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ใน Apple Retail, Apple Music, Apple TV+, App Store และช่องทางอื่น ๆ เพื่อเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ที่มา : Apple Newsroom