ไม่น่าเชื่อว่าไมโครซอฟท์วันนี้จะมีอายุครบ 50 ปีแล้ว เชื่อว่าหลายๆโปรแกรมของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งนี้นั้นอยู่ในช่วงชีวิตของเรา วันที่ CEEi จะพาย้อนไปรำลึกถึง 6 นวัตกรรมเด็ดของไมโครซอฟท์ที่มาปฏิวัติเทคโนโลยี เปลี่ยนโลกนี้ให้ชีวิตของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
1.MS-DOS
สิ่งที่ทำให้หลายคนรู้จักไมโครซอฟท์ ก็คือ ระบบปฏิบัติการ MS-DOS ย่อมาจาก Microsoft Disk Operating System ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1981 ที่ติดตั้งมาในคอมพิวเตอร์ IBM ด้วยรูปแบบการป้อนคำสั่งแบบ Command line
จริงๆแล้วไมโครซอฟท์ไม่ได้พัฒนาเองทั้งหมด แต่ไปซื้อระบบปฏิบัติการจากบริษัท SCP (Seattle Computer Products) ในราคา 25,000 เหรียญ เอามาพัฒนาต่อยอดจนเกิดเป็น MS-DOS เพื่อให้ทำงานบนคอมพิวเตอร์ของ IBM ซึ่งทุกเครื่องที่ IBM ขายได้ Microsoft ก็จะได้ค่าลิขสิทธิ์ด้วย
หลังจากเปิดตัวได้ 1 ปี ไมโครซอฟท์ก็ได้มีขายลิขสิทธิ์ MS-DOS ให้กับคอมพิวเตอร์แบรนด์อื่นๆมากกว่า 70 บริษัทนำใช้งานได้ ส่งผลให้ฐานผู้ใช้ขยายตัวอย่างมาก ส่งผลให้ไมโครซอฟท์ครองตำแห่งผู้นำในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
2. Windows OS
หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากกับ MS-DOS ในปี 1985 ไมโครซอฟท์ ก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ในื่อว่า Windows 1.0 ซึ่งต่อยอดมาจาก MS-DOS เปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานด้วย Graphical User Interface ซึ่งเปลี่ยนจากการพิมพ์ป้อนคำสั่งที่ต้องการ มาเป็นคลิกไอคอนต่างๆแทน มีหน้าต่างที่วางทับซ้อนกันได้หลายหน้าต่าง
แต่เวอร์ชันแรกๆต้องบอกว่ายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จนกระทั่งไมโครซอฟท์ปล่อย WIndows 3.0 ออกมาในปี 1990 ที่ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ด้วยการออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้มากขึ้น กราฟิกสวยงาม แสดงสีสันได้ 16 สี พร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่มากขึ้น ส่งผลให้ทำยอดขายไปถึง 10 ล้านชุด กลายเป็นจุดเริ่มต้นให้ Windows ของไมโครซอฟท์ เริ่มครองตลาด OS บนพีซีนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
3.Microsoft Office
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในตลาดระบบปฏิบัติการบนเครื่องพีซีแล้ว ไมโครซอฟท์เริ่มขยายตลาดใหม่ๆ ในปี 1989 ด้วยการเปิดตัว Microsoft Office ชุดโปรแกรมที่ช่วยให้เราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ประกอบด้วย Microsoft Word, Microsoft Excel และ PowerPoint
จุดขายของ Microsoft Office คือ ตั้งราคาขายถูกว่า สามารถเลือกซื้อเฉพาะโปรแกรมที่ต้องการใช้งานได้ไม่จำเป็นต้องซื้อเหมาทั้งหมด จึงทำให้ได้รับความนิยมจนกลายเป็นโปรแกรมที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องมีลงเอาไว้ ไม่ว่าจะใช้ส่วนตัว ใช้ด้านการศึกษา จนไปถึงภาคธุรกิจ การที่ Microsoft Office ถูกนำไปใช้อย่างแพร่หลาย ยิ่งตอกย้ำความมีอิทธิพลของ Microsoft ในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
4. Internet Explorer (IE)
IE อดีตเบราว์เซอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเกิดขึ้นในปี 1995 โดยไมโครซอฟท์ไปซื้อ source code ของ Mosaic มาเพื่อแข่งขันกับ Netscape Navigator เบราว์เซอร์ที่กำลังมาแรงในตอนนั้นเพื่อกระโดดเข้าสู่กระแสอินเทอร์เน็ตที่กำลังเริ่มบูม
IE บูมสุดในปี 2003 ช่วงของ IE6 ที่มาพร้อมกับ Windows XP ที่แทบจะครองตลาดเบราว์เซอร์ทั้งโลกเอาไว้ได้ กลายเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของอินเทอร์เน็ตทั้งโลก ก่อนที่จะโดน Google Chrome เบราว์เซอร์น้องใหม่เข้ามาท้าชิงในปี 2008 และใช้กระตือรือล้นในการพัฒนาแย่งชิงความนิยมจาก IE ไปได้สำเร็จ
แม้ว่าปัจจุบันจะไม่มี Internet Explorer อีกต่อไปแล้ว หลังไมโครซอฟท์หันมาพัฒนา Microsoft Edge เพื่อใช้งานแทน แต่ IE และโลโก้ตัว e สีฟ้าของมันก็กลายเป็นภาพจำของผลิตภัณฑ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตัวหนึ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องเคยใช้ในยุค 2000s
5. Microsoft Azure
หลังจากที่เทรนด์โลกเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค Cloud Computing ส่งผลให้ Microsoft เร่งปรับตัว พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติ้งของตัวเองในชื่อว่า Microsoft Azure เปิดให้บริการในปี 2010
ชูจุดเด่นให้บริการแพลตฟอร์มคลาวด์คอมพิวติ้งที่ตอบโจทย์องค์กรและภาคธุรกิจ ด้วยบริการหลากหลาย การประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล การจัดการข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลเครื่องมือในการเขียนโปรแกรม เฟรมเวิร์ก เพื่อสร้างและปรับใช้แอปพลิเคชัน การรักษาความปลอดภัย IoT และ AI
Azure ได้กลายเป็นรากฐานสำคัญของธุรกิจของ Microsoft โดยช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานและบริการคลาวด์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆได้ง่ายขึ้น ปัจจุบัน Microsoft Azure ถือเป็นรายได้หลักของไมโครซอฟท์ มีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 รองจาก AWS
6.Microsoft Copilot
AI ในรูปแบบของไมโครซอฟท์ที่ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยพลังของโมเดล LLM ขนาดใหญ่ที่เข้าใจมนุษย์ได้ดีขึ้น ฝังในแอปและบริการต่างๆของไมโครซอฟท์ช่วยสอบถามข้อมูล สร้างและเขียนเอกสาร สร้างงานนำเสนอ วิเคราะห์ข้อมูล ระดมคววามคิด ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ และยกระดับทักษะด้วยวิธีใหม่ๆ เพื่อให้ทำงานได้เร็วขึ้น แม้จะอยู่นช่วงเริ่มต้นแค่ 2 ปีแต่ก็แสดงให้เห็นศักภาพที่จะพัฒนาและต่อยอดได้อีกไกล
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของไมโครซอฟท์ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้สอดรับกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เชื่อว่าในไมโครซอฟท์จะไม่หยุดนิ่งอยู่แค่นี้ เราต้องมารอดูกันว่าก้าวต่อไปจะมีเทคโนโลยีอะไรมาเปลี่ยนการใช้ชีวิตของเราอีกบ้าง