ไม่นานมานี้ Google โชว์ประสิทธิภาพของเบราเซอร์ Chrome โดยอธิบายเรื่องการจัดการหน่วยความจำและแคชทำให้ Chrome ทำงานได้รวดเร็วที่สุดเท่าที่ Google เคยปรับปรุงมา ด้าน Microsoft ก็ได้ออกมาขิงว่าบริษัทได้ปรับปรุง Chrome ให้ทำงานดีกว่า Edge เสียอีก
ไม่นานมานี้ Google โชว์ประสิทธิภาพของเบราเซอร์ Chrome โดยอธิบายเรื่องการจัดการหน่วยความจำและแคชทำให้ Chrome ทำงานได้รวดเร็วที่สุดเท่าที่ Google เคยปรับปรุงมา ด้าน Microsoft ก็ได้ออกมาขิงว่าบริษัทได้ปรับปรุง Chrome ให้ทำงานดีกว่า Edge เสียอีก
Apple ได้ทำคลิปโฆษณาใหม่ที่บอกเป็นนัย ๆ ให้ผู้ใช้งานลบเบราว์เซอร์อื่นออกจากเครื่อง (เดาไม่ยากว่าคือ Chrome) เนื่องจากมีการติดตามผู้ใช้งานนับเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว
Yahoo บริษัท Search Engine เก่าแก่ กำลังพัฒนาเว็บเบราว์เซอร์รุ่นต้นแบบของตัวเอง และดูเหมือนว่าทางบริษัทกำลังสนใจที่จะซื้อ ‘Chrome’ หากศาลบังคับให้ Google ขายในคดีผูกขาดการตลาดที่กำลังดำเนินอยู่ ข้อมูลดังกล่าวถูกเผยแพร่ในวันที่ 4 ของการพิจารคดีของกระทรวงยุติธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาผูกขาด Search Engine ของทาง Google โดยทางกระทรวงได้ยื่นคำร้องต่อผู้พิพากษา อามิต เมห์ตา (Amit Mehta) โดยกำหนดให้ Google ต้องขายเบราว์เซอร์ Chrome ออกไป ซึ่งทางกระทรวงกล่าวว่า
บริษัท OpenAI เปิดเผยระหว่างให้การคำต่อศาลว่า บริษัทพร้อมเข้าซื้อเว็บเบราว์เซอร์ Chrome ต่อจาก Google หากโดนให้บังคับขายทรัยพ์สิน จากการจากตัดสินคดีผูกขาดทางการค้า
Google อัปเดต 4 ฟีเจอร์ใหม่บน Android เพื่อช่วยให้ใช้งานปลอดภัยมากขึ้นจากข้อความ Scam รวมถึงค้นหาเพื่อนและแชร์พิกัดง่ายขึ้น 1. รายงานและบล็อกข้อความน่าสงสัยแบบ Real time หลังจากที่ Google ได้เปิดตัว Scam Detection ไปแล้ว มาวันนี้ก็มีการอัปเดต Google Messages ด้วย AI เพื่อช่วยปกป้องผู้ใช้จากข้อความหลอกลวง เบื้องต้นรองรับภาษาอังกฤษก่อน หาก AI ตรวจพบว่าเป็นข้อความที่เข้าข่ายหลอกลวง ก็จะทำการแจ้งเตือนให้รู้ทันที โดยที่เราสามารถเลือกบล็อกและรายงานการสนทนานั้นได้อย่างง่ายดาย
Goggle ประกาศ Chrome Sync จะหยุดทำงานบนเบราว์เซอร์ Chrome เวอร์ชันที่มีอายุมากกว่า 4 ปี เริ่มใช้ต้นปี 2025 Chrome Sync คือฟีเจอร์ที่เชื่อมโยงการใช้และบันทึกข้อมูลในบัญชี Google ของเราไปยังทุกอุปกรณ์ที่ล็อกอินบัญชีเดียวกันเอาไว้ ฟีเจอร์นี้จะหยุดทำงานในเบราว์เซอร์ Chrome เวอร์ชันเก่าที่มีอายุมากกว่า 4 ปีขึ้นไป หากใครใช้ Chrome เวอร์ชันเก่าที่มีอายุมากกว่า 4 ปี ก็จะเริ่มเห็นข้อความแสดงแจ้งเตือน “อัปเดต Chrome เพื่อเริ่มการซิงค์”
พบช่องโหวใหม่บนเว็บเบราว์เซอร์ Chrome คาดกระทบผู้ใช้หลายล้านคน แนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชั่นใหม่ให้เร็วที่สุด แพลตฟอร์มที่มีเสี่ยงต่อช่องโหว่ต่อไปนี้ ก็มี Android, Linux, macOS และ Windows โดยช่องโหว่ที่พบมีดังนี้: CVE-2025-0611 และ CVE-2025-0612: ช่องโหว่นี้มีความร้ายแรงสูง อาจนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลสำคัญโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ระบบล่ม และเปิดการทำงานของโค้ดโดยพลการ ซึ่งช่องโหว่เหล่านี้อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถ “แทรกและรันโค้ดของตนเอง” ได้ ช่องโหว่ทั้งสองอย่างนี้มีความร้ายแรงมาก แนะนำให้ผู้ใช้ Chrome อัปเดตซอฟต์แวร์เป็นเวอร์ชันล่าสุดโดยเร็วที่สุด ตอนนี้ทาง Google ได้ปล่อยอัปเดต Chrome
Google ออกมาตอบโต้ว่าการถูกบังคับให้ขาย Chrome เว็บเบราว์เซอร์ยอดนิยมของโลก จะส่งผลเสียต่อผู้บริโภคและธุรกิจ ทางสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่ากระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ จะเสนอมาตรการดังกล่าวต่อผู้พิพากษาในวันพุธนี้ หลังจากที่ผู้พิพากษา Amit Mehta ตัดสินว่า Google ดำเนินการผูกขาดการค้นหาออนไลน์ในเดือนสิงหาคม และกำลังพิจารณาว่าจะบังคับใช้มาตรการแก้ไขหรือลงโทษอย่างไร แม้ทางกระทรวงยุติธรรมยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานนี้ แต่ Google ได้ออกมาแสดงการคัดค้านอย่างชัดเจน ทางลี-แอนน์ มัลโฮลแลนด์ ผู้บริหารของ Google กล่าวในแถลงการณ์ว่า “กระทรวงยุติธรรมยังคงผลักดันวาระสุดโต่งที่ไปไกลเกินกว่าประเด็นทางกฎหมายในเคสนี้ หากรัฐบาลใช้มาตรการดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อผู้บริโภค นักพัฒนา และผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกา” นอกจากนั้น
ก่อนหน้านี้ Google มีข่าวลือว่ากำลังพัฒนา Jarvis AI เพื่อช่วยทำงานบน Chrome ล่าสุดทาง Google ได้เผลอทำข้อมูลของ Chrome extension หลุดออกมา หลังจากนั้นก็ลบออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็มีผู้ใช้บางส่วนติดตั้งได้ทัน เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม มีข่าวว่า Google กำลังพัฒนา Agent ที่ “มีประโยชน์” เพื่อช่วยให้การท่องเว็บสะดวกรวดเร็วขึ้น นั้นก็คือ Project Jarvis (ซึ่งชื่อนี้ยังเป้นชื่อแบบไม่เป็นทางการ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้) หน้าที่หลักของเครื่องมือนี้ คือ
Google ใกล้เปิดตัว AI Agent ที่สามารถควบคุมเว็บเบราว์เซอร์เพื่อช่วยให้ผู้ใช้จัดการงานประจำวันโดยอัตโนมัติ The Information รายงานว่า Google กำลังพัฒนา “ตัวแทน (Agent) ที่สามารถใช้คอมพิวเตอร์” ภายใต้ชื่อรหัส Project Jarvis และอาจพร้อมให้ดูตัวอย่างพรีวิวได้ในเร็วที่สุดในเดือนธันวาคม แหล่งข่าวระบุว่า Jarvis “สามารถตอบสนองต่อคำสั่งของผู้ใช้ด้วยการจับภาพหน้าจอคอมพิวเตอร์บ่อยๆ แล้วทำการตีความภาพเหล่านั้น ก่อนที่จะดำเนินการ เช่น คลิกปุ่มหรือพิมพ์ลงในช่องข้อความ” มีรายงานว่า Jarvis ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำงานกับเว็บเบราว์เซอร์เท่านั้น โดยเฉพาะ Chrome เพื่อช่วยเหลือในการทำงานทั่วไป