หนึ่งในองค์ประกอบของรถแข่ง F1 ที่เรียกได้ว่า ‘เป็นหัวใจของความเร็ว’ นั้นก็คือ ‘ยาง’ ซึ่งยาง F1 ในแต่ละประเภทก็เหมาะกับการแข่งขันที่แตกต่างกันไป
ในโลกของการแข่งขัน F1 นั้น เรื่องของเสี้ยวเวลานั้นมีความหมาย และยางก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบให้รถ F1 ขับไว และนำพาไปสู่เส้นชัยได้ตามแผนที่ทีมวางเอาไว้ ซึ่งเบื้องหลังของยาง F1 เป็นผู้ผลิตสัญชาติอิตาลีก็คือแบรนด์ Pirelli
โดย Pirelli เป็นผู้สนับสนุนยาง F1 มาตั้งแต่ปี 2011 และจะอยู่ไปอีกถึงสิ้นสุดฤดูกาล 2027 ในปี 2022 ทาง FIA ได้มีการปรับให้ F1 มาใช้ยางขนาด 18 นิ้ว สำหรับยาง F1 ขนาดใหม่นี้ทาง Pirelli ได้ทดสอบในร่มมากกว่า 10,000 ชั่วโมง, จำลองสถานการณ์ 5,000 ชั่วโมง และต้นแบบมากกว่า 70 แบบเพื่อได้ยาง F1 ที่มีโครงสร้าง และคอมพาวด์สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับรถ F1 ทั้ง 10 ทีม 20 คัน
สำหรับยางของ F1 นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ยางพื้นสนามแห้ง 6 คอมพาวน์ C1 (แข็งสุด) – C6 (นุ่มสุด) แบ่งออกเป็น 3 สีหลัก ๆ ได้แก่
นอกจากนี้ก็ยังมียางสำหรับการแข่งขันสภาพอากาศฝนตกได้แก่ Intermediate (สีเขียว) สำหรับสภาพพื้นสนามที่มีความชื้นหรือเริ่มแห้ง และ Full Wet (สีฟ้า) สำหรับสภาพพื้นสนามที่มีฝนตกหนัก และน้ำขัง ซึ่งในฉาก และตัวของหนัง F1: The Movie ก็มีการใช้ยาง สำหรับสภาพอากาศฝนตกด้วย ที่จะมีการสื่อสารระหว่างหัวหน้า และวิศวกรของทีม สั่งการให้นักแข่งเข้า Pit เพื่อเปลี่ยนยางให้เข้ากับการแข่งขันขณะนั้น
อีกหนึ่งฉากที่เราจะได้เห็นจากฉากหนัง F1: The Movie หรือเริ่มก่อนการแข่งขันจริง ๆ ก็คือ การคลุมล้อ F1 ด้วยผ้าห่มทำความร้อน หรือ Tyre Blankets ซึ่งคนทั่วไปอาจจะสงสัยว่า ‘ต้องคลุมทำไม’ สาเหตุที่ยาง F1 นั้นต้องถูกคลุมคือ อุ่นยางให้มีอุณหภูมิประมาณ 80-100 องศาเซลเซียส และการคลุมก็มีความสำคัญต่าง ๆ เช่น
ความเร็วก็เป็นเรื่องที่ทุกทีม F1 ต่างคาดหวังให้รถของเราออกมาเร็วที่สุด แต่การวางแผนกลยุทธ์การใช้ยาง F1 ในแต่ละการแข่งขันก็สำคัญเช่นกัน เพราะ FIA มีการออกกฎให้ทีม F1 นั้นต้องเข้าพิตอย่างน้อย 1 ครั้งเพื่อเปลี่ยนยาง ซึ่งทำให้ไม่สามารถใช้ยาง Soft ตลอดการแข่งขันได้
จากกฎนี้ก็ทำให้กลยุทธ์ในแต่ละทีมจะมีการวางแผนใช้ประเภทของยางที่แตกต่างกัน ซึ่งฉากการวางกลยุทธ์นั้นเราก็จะได้เห็นในภาพยนตร์ F1: The Movie ก่อนเริ่มแข่งขัน เช่นในสนามนี้จะเลือกใช้ยางประเภท Medium ในครั้งแรก และครึ่งหลังก่อนจบแมตช์ใช้ยาง Soft เพื่อทำความเร็วสูงสุด รวมไปถึงอาจมีแผน B หรือ C ต่างกัน
หากใครอยากจะสัมผัสความเร็วของรถ F1 ก็สามารถเช็กและจองรอบหนัง F1: The Movie ได้ที่ เว็บไซต์ หรือแอปฯ Major Cineplex แนะนำอย่างยิ่งดูในระบบ IMAX เพราะเรื่องนี้ถ่ายและฉายในสัดส่วนหนัง IMAX ตลอดทั้งเรื่อง