จูราสสิค พาร์ค ไม่เกินฝัน ! นักวิทย์คืนชีพ ‘หมาป่าไดร์วูล์ฟ’ สกัด DNA จากเขี้ยวอายุ 13,000 ปี

ลองนึกภาพโลกเมื่อ 2.6 ล้านปีก่อน เมื่อธรรมชาติได้มอบของขวัญอันน่าทึ่งให้แก่เรานั่นคือ “หมาป่าไดร์วูล์ฟ” สัตว์ร่างยักษ์ที่สง่างามแห่งยุคโบราณ ก่อนที่มันจะสูญพันธุ์ไปในช่วง 10,000-13,000 ปีที่ผ่านมา ล่าสุดวันนี้ (วันที่ 8 เมษายน 2025) ข่าวดีที่เหมือนฝันได้กลายเป็นจริง ! หมาป่าไดร์วูล์ฟได้กลับมาสู่ศตวรรษที่ 21 อย่างน่าตื่นเต้น ด้วยฝีมือของ Colossal Biosciences บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากเมืองดัลลัส ที่ได้ให้กำเนิดลูกหมาป่าไดร์วูล์ฟด้วยกัน 3 ตัวประกอบด้วยโรมูลัสและรีมัส 2 พี่น้องตัวผู้วัย 6 เดือน และคาลีซีหมาป่าตัวเมียวัย 2 เดือนผ่านการโคลนนิ่งและการตัดต่อยีนจากดีเอ็นเอโบราณของหมาป่าไดร์วูล์ฟ

“ทีมของเรานำดีเอ็นเอจากฟันอายุ 13,000 ปี และกะโหลกอายุ 72,000 ปี มาสร้างลูกหมาป่าไดร์วูล์ฟที่แข็งแรงสมบูรณ์ ครั้งหนึ่งเคยมีคนบอกว่า เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าพอสมควรจะแยกไม่ออกจากเวทมนตร์ และวันนี้ทีมของเราได้เผยโฉมเวทมนตร์ที่เรากำลังสร้างสรรค์”

เบน แลมม์ ซีอีโอของ Colossal กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ

เทคโนโลยีที่ใช้ในการกลับมาของหมาป่าไดร์วูล์ฟนั้นเกี่ยวข้องกับการโคลนนิ่งแบบดั้งเดิม เริ่มจากการนำเซลล์จากเนื้อเยื่อของสัตว์มาแยกนิวเคลียสที่มีรหัสพันธุกรรมทั้งหมด แล้วย้ายไปฝังในไข่ของสัตว์ชนิดเดียวกันที่ถูกเอานิวเคลียสออกแล้ว จากนั้นปล่อยให้ไข่พัฒนาเป็นตัวอ่อนและฝังในมดลูกของตัวรับตั้งท้อง ท้ายที่สุดจะให้กำเนิดสัตว์ที่เหมือนต้นแบบทุกประการ

แต่สำหรับการกลับมาของหมาป่าไดร์วูล์ฟ ทีมงานของ Colossal ได้ใช้เทคนิคที่แตกต่างออกไป โดยเริ่มต้นจากการวิเคราะห์จีโนมของหมาป่าไดร์วูล์ฟจากฟันและกะโหลกที่เก่าแก่ จากนั้นเปรียบเทียบกับจีโนมของหมาป่าสีเทา ซึ่งเป็นญาติที่ใกล้ที่สุดของหมาป่าไดร์ วูล์ฟ การศึกษานี้เผยให้เห็นถึง 20 ความแตกต่างใน 14 ยีนที่ทำให้หมาป่าไดร์วูล์ฟมีลักษณะที่แตกต่างออกไป เช่น ขนาดที่ใหญ่ขึ้น ขนสีขาว หัวที่กว้างขึ้น ฟันที่ใหญ่ขึ้น ไหล่ที่แข็งแรงขึ้น ขาและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นรวมถึงเสียงหอนและเสียงร้องที่เป็นลักษณะเฉพาะของพวกมัน จากนั้นทีมวิทยาศาสตร์ได้ใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากหมาป่าสีเทา ซึ่งเป็นการนำเซลล์จากกระแสเลือดมาแก้ไขยีนทั้ง 14 ตัว เพื่อเพิ่มลักษณะเฉพาะของหมาป่าไดร์วูล์ฟโดยไม่ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในตัวหมาป่าสีเทา

เมื่อแก้ไขเสร็จแล้ว จะนำแกนเซลล์ที่แก้ไขแล้วไปฝังในไข่ของหมาป่าสีเทาที่ไม่มีแกนเซลล์และเมื่อพัฒนาเป็นเอ็มบริโอจะนำไปฝังในมดลูกของแม่อาสา โดยหลังจากการตั้งท้องครบ 65 วัน ลูกหมาป่าทั้ง 2 ตัวถูกคลอดออกมา จากนั้นก็ทำการทำซ้ำกระบวนการเดียวกันในการให้กำเนิดลูกหมาป่าตัวที่ 3

ในอนาคต Colossal ตั้งเป้าที่จะใช้เทคนิคที่คล้ายกันเพื่อฟื้นคืนช้างแมมมอสขนยาวในปี 2028 โดยการแก้ไขยีนในเซลล์ของช้างเอเชีย ซึ่งเป็นญาติที่ใกล้ที่สุดของช้างแมมมอส และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาพวกเขาได้ประสบความสำเร็จในการทดสอบวิธีการนี้ในหนูทดลอง จนได้ลูกหนูที่มีขนยาวเหมือนช้างแมมมอส

นอกจากนี้ บริษัทยังทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์สัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยใช้เทคนิคการแก้ไขยีนเพื่อเพิ่มความหลากหลายทางพันธุกรรมในประชากรของสัตว์เหล่านี้ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดความเสี่ยงในการสูญพันธุ์

งานในห้องทดลองของ Colossal ไม่ใช่เรื่องง่ายและมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ด้วยการประเมินมูลค่าของบริษัทถึง 10,200 ล้านเหรียญ พวกเขามีทรัพยากรเพียงพอที่จะดำเนินการวิจัยนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับต้นทุน บริษัทยังได้ร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์ต่าง ๆ เช่น American Wolf Foundation, Save the Elephants และ Conservation Nation รวมถึงทำงานร่วมกับชนเผ่าพื้นเมืองในโครงการหมาป่าไดร์วูล์ฟ

โปรเจกต์ของ Colossal ไม่เพียงแต่จะนำกลับมาซึ่งสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่นวัตกรรมที่สามารถช่วยอนุรักษ์และรักษาความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญต่อโลกใบนี้ พวกเขากำลังสร้างความหวังใหม่สำหรับอนาคตของมนุษยชาติและธรรมชาติที่กำลังเปลี่ยนแปลง

ที่มา time

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...