บริษัทเทคฯ ลังเลที่จะจ้างพนักงานใหม่ หลังเศรษฐกิจไม่แน่นอนและ AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

ดูเหมือนกระแสหางานยากจะเกิดขึ้นแม้ในแวดวงเทคโนโลยีที่ดูเหมือนจะมีงานรองรับเยอะเช่นเดียวกัน นอกจากเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่เจอกันทั่วโลกแล้วก็ยังมีการเข้ามาของ AI ที่สามารถทดแทนได้หลายตำแหน่ง ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แม้แต่บริษัทเทคโนโลยีก็ลังเลที่จะจ้างพนักงานเพิ่มด้วยเหมือนกัน

จอร์จ เดนลิงเกอร์ ประธานฝ่ายปฏิบัติการของ Robert Half ปัจจุบันกระบวนการจัดหางานตอนนี้อาจใช้ระยะเวลาที่นานขึ้น นานกว่าปีที่แล้ว 2-3 เท่าเลย หรือกล่าวได้ว่าตอนนี้การจ้างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีอยู่ในระดับการลังเลครั้งใหญ่ (The Great Hesitation) เพราะฉะนั้น ถ้าใครกำลังหางานในสายเทค การไม่ได้งานอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก

เดนลิงเกอร์บอกว่าปัจจุบันสถานการณ์อยู่ในความแน่นอน มาตรฐานการจ้างงานสูงขึ้นกว่าเดิม และจะจ้างเฉพาะงานส่วนที่มีความสำคัญจริง ๆ

CompTIA หรือสมาคมการค้าเทคโนโลยีได้วิเคราะห์ช้อมูลจากสํานักสถิติแรงงานการจ้างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวมลดลงไปประมาณ 214,000 ตําแหน่งเมื่อเดือนเมษายน ตามข้อมูลของ BLS พบว่าอัตราการว่างงานลดลงจาก 5% เหลือ 4.6% แต่ตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีกลับถูกปลดออก 5-6% โดยบริษัทเทคยังปลดคนออกต่อเนื่อง อย่าง Microsoft ก็เพิ่งประกาศปลดพนักงานออกไป 6,000 คน

ในส่วนของงานไอทีและโปรแกรมเมอร์ที่เขียนโค้ดระดับเริ่มต้นจะโดนปลดออกเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากเป็นกลุ่มงานที่ AI สามารถทำแทนได้

การเข้ามาของ AI ทำให้บริษัทต่าง ๆ สามารถลดต้นทุนที่ต้องจ่ายให้กับแรงงานที่เป็นคนได้ ซีอีโอของหลายบริษัทกลับปรับให้บริษัทเลือก AI-first อย่าง ลุยส์ ฟอน แอน (Luis von Ahn) ซีอีโอของ Duolingo ได้ส่งอีเมลถึงพนักงานในบริษัทว่าจะมีการจ้างคนเพิ่มก็ต่อเมื่องานดังกล่าวไม่สามารถใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทำได้ ข้อมูลจาก LinkedIn เผยว่าในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา การจ้างงานที่มีความสามารถด้าน AI ด้วยเพิ่มขึ้นถึง 640%

ที่มา WSJ ผ่าน MSN

วัชรกุล พัฒนาประทีป