Meta นำพลังแห่งการสร้างสรรค์ของ AI มาสู่ชีวิตจริงใจกลางย่านทรงวาดอันเปี่ยมด้วยมรดกทางวัฒนธรรมของกรุงเทพฯ ผ่านงาน “A Weekend with Meta AI x Song Wat” ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28–30 พฤศจิกายน 2568 ณ ลาน Vintage Vespa Thailand ถนนทรงวาด โดยกรุงเทพฯ ถือเป็นเมืองที่ 4 ที่ได้สัมผัสประสบการณ์อิมเมอร์ซีฟจาก Meta AI ต่อจากความสำเร็จในลอนดอน
นักลงทุนหวั่น Meta ทุ่มงบมหาศาลเพื่อวิจัยและพัฒนา รวมถึงสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI แต่ปัญหาคือยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้จริงอย่างแท้จริง สวนทางค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น Meta ถือเป็นบริษัทที่ลงทุนด้าน AI มากที่สุดในโลกด้วยการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ถึง 2 แห่งในสหรัฐฯ คาดว่าอาจใช้และมีงบสูงถึง 6 แสนล้านเหรียญภายใน 3 ปีข้างหน้า แต่ตัวเลขนี้กลับสร้างความหวาดหวั่นให้กับนักลงทุน เนื่องจากรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่เผยให้เห็นว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 7 พันล้านเหรียญเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีค่าใช้จ่ายด้านทุนพุ่งแตะเกือบ 2 หมื่นล้านเหรียญ โดยงบส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรด้าน AI ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่ชัดเจน แม้มาร์ก
Meta อัปเดตอัลกอริทึมของ Facebook ใหม่ เพิ่มการแสดงเนื้อหาวิดีโอ Reels ตามความสนใจมากขึ้น พร้อมเพิ่มเครื่องมือควบคุมเนื้อหาและค้นหาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ผู้ใช้สามารถระบุความสนใจได้สะดวกขึ้น เช่น กด “ไม่สนใจ” บนวิดีโอ Reel หรือกำหนดความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหา เพื่อให้ระบบปรับคำแนะนำตามพฤติกรรมเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันก็มีการปรับปรุงฟีเจอร์ “บันทึก” ใหม่ ให้จัดเก็บ Reels และโพสต์โปรดไว้ในที่เดียวได้ง่ายกว่าเดิม Meta หวังว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะช่วยลดข้อร้องเรียนของผู้ใช้ที่ไม่พอใจกับ Reels คุณภาพต่ำ วิดีโอหลอกลวง หรืองานที่สร้างขึ้นด้วย AI
Business Insider เผย Meta ปรับแนวทางการฝึกอบรมแชตบอต AI เพื่อยกระดับมาตรการป้องกันการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็ก รวมถึงหลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กมีส่วนร่วมในบทสนทนาที่ไม่เหมาะสมกับวัย ในช่วงที่ผ่านมา แชตบอต AI ของหลายบริษัทถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้เยาว์ และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการค้าแห่งสหรัฐฯ (FTC) ได้เปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการต่อแชตบอตจากหลายบริษัท เช่น Meta, Alphabet, Snap, OpenAI และ X.AI ทาง Meta เองก็มีการปรัฐมาตรการใหม่ ซึ่งแนวทางนี้จัดทำขึ้นหลังจาก Reuters รายงานในเดือนสิงหาคมว่า นโยบายของ
Meta เปิดตัวแว่นตา Meta Ray-Ban Display มาพร้อมจอและ AI ในตัว ควบคุมผ่านสายรัดข้อมือ EMG ช่วยให้ทำงานต่างๆ ได้โดยไม่ต้องหยิบมือถือออกมา Meta Ray-Ban Display นั้นร่วมพัฒนากับ EssilorLuxottica จึงทำให้ดีไซน์มีสไตล์เหมือนแว่นตา Wayfarer ของ Rayban เพิ่มความโค้งมนให้กับด้านหน้าของแว่น ช่วยลดแสงสะท้อน พร้อมเพิ่มความสบาย ใส่กระชับ และใช้งานง่าย ตัวบานพับเป็นไทเทเนียม แข็งแรงทนทาน แถมยังช่วยลดน้ำหนักให้เบาขึ้น ส่งผลให้มีน้ำหนักแค่
หลุดคลิปวิดีโอเปิดตัวแว่นตารุ่นใหม่ยกแผงของ Meta ก่อนงาน Meta Connect 2025 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17-18 กันยายนนี้ วิดีโอที่หลุดออกมานี้ถูกเผยแพร่ในช่อง YouTube ของ Meta ก่อนที่่จะถูกลบออกไปอย่างรวดเร็ว แต่นั้นก็ไม่ทันแล้ว คลิปนี้ถูกนำมาอัปโหลดและเผยแพร่ใหม่โดย UploadVR เผยให้เห็นกลุ่มผลิตภัณฑ์แว่นตาอัจฉริยะทั้งหมดของ Meta ที่ร่วมพัฒนากับ EssilorLuxottica ประกอบด้วย คลิปวิดีโอนี้เน้นไปที่แว่นตา Ray-Ban รุ่นใหม่เป็นหลัก และแสดงให้เห็นกรอบแว่นสีดำพร้อมเลนส์ใสที่ดูคล้ายกับกรอบแว่น Wayfarer รุ่นก่อนหน้าของบริษัท ไฮไลต์ที่น่าจับตามองในงาน Connect
คณะกรรมการการค้าแห่งสหพันธรัฐสหรัฐฯ (FTC) เปิดการสอบสวนบริษัทเทคโนโลยี 7 แห่งที่ให้บริการแชตบอต AI เพื่อตรวจสอบวิธีการประเมินผล ทดสอบ และจัดการกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อเด็กและวัยรุ่น การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากมีคดีฟ้องร้อง Meta โดยระบุว่าแชตบอตของบริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องกับการให้คำแนะนำเชิงลบจนถึงขั้นสนับสนุนการฆ่าตัวตาย ทำให้หน่วยงานกำกับดูแลหันมาให้ความสำคัญกับมาตรการด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น FTC ได้ส่งคำขอข้อมูลไปยัง 7 บริษัท ได้แก่ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google), Character Technologies (ผู้พัฒนา Character.AI), Meta, Instagram, OpenAI, Snap และ
เอกสารภายใน Meta เปิดเผยนโยบายที่เคยอนุญาตให้ AI แชตบอตสนทนาเชิงชู้สาวกับเด็ก สร้างข่าวปลอม และเหยียดเชื้อชาติ ก่อนลบออกหลังถูกสื่อซักถาม
ชายไทยวัย 76 ปีเสียชีวิต หลังถูกแชตบอต AI 'Big sis Billie' ของ Meta ลวงให้ไปพบ ครอบครัวเตือนภัยอันตรายจาก AI ที่ไร้การควบคุม
Bloomberg รายงาน Apple โดนชิงตัวผู้บริหารคนสำคัญด้าน AI ให้กับ Meta หลัง Mark Zuckerberg ยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อดึงวิศวกรมือดีจากบริษัทอื่นมาร่วมทำงาน คนของ Apple ที่โดน Meta ดึงตัวไปครั้งนี้ก็คือ Ruoming Pang ผู้จัดการทีม Foundation Model ของ Apple คนสำคัญที่รับผิดชอบทีมที่มีพนักงานประมาณ 100 คน ทำงานกับโมเดลภาษาขนาดใหญ่ของ Apple โมเดลทีมของ Pang
