ทางการจีนเรียกผู้บริหารค่ายรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ รวมถึง BYD ให้เข้าพบที่กรุงปักกิ่ง เพื่อหารือเกี่ยวกับการแข่งขันด้านราคาที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียต่ออุตสาหกรรมในระยะยาว
การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ร่วมกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาด และหน่วยงานวางแผนเศรษฐกิจระดับสูงสุดของประเทศ ตามรายงานมีผู้บริหารจากค่ายรถยนต์ EV รายใหญ่ถูกเรียกเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้มากกว่า 12 ค่าย รวมถึง BYD, Xiaomi, Geely และ Chery
การร่วมมือกันของทางการในครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก ชี้ให้เห็นว่าเหล่าผู้นำระดับสูงสนใจในประเด็นนี้เพียงโดยเน้นย้ำกับค่ายรถยนต์ไฟฟ้าว่าควร “ควบคุมตัวเอง” และไม่ควรขายรถยนต์ในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนหรือเสนอส่วนลดที่ไม่สมเหตุผล พร้อมยังกล่าวถึงปัญหาอื่น ๆ อย่าง ‘รถศูนย์ไมล์’ รถใหม่ที่ถูกจอดไว้โดยไม่ถูกใช้งานแต่นับเป็นยอดขาย และภาระหนี้สิ้นที่เพิ่มขึ้นจากการค้างชำระกับทางซัพพลายเออร์ ซึ่งทั้งหมดอาจนำไปสู่การล้มละลายของบริษัทที่อ่อนแอกว่า
อย่างไรก็ตามการประชุมครั้งนี้ไม่ได้ออกคำสั่งบังคับค่ายรถยนต์แต่อย่างใด และยังไม่ชัดเจนว่าจะมีบทลงโทษแบบใดหากฝ่าฝืนคำเตือน
หลังประชุมทาง BYD และ Xiaomi ไม่ได้ออกมาพูดใด ๆ เกี่ยวกับการประชุมครั้งนี้ ในขณะที่ตัวแทนจาก Geely อ้างถึงซีอีโอแบรนด์ หลี่ ซูฝู (Li Shufu) ที่กล่าวปฏิเสการทำการสงครามราคาอย่างเด็ดขาด โดยจะเน้นแข่งขันด้วยเทคโนโลยี และคุณค่าของทางบริษัทแทน
คำเตือนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก BYD จุดชนวนสงครามราคาครั้งใหม่ช่วงปลายเดือนพฤษาคมที่ผ่านมา โดยมีการหั่นราคาลงถึง 34% ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างหนักจากทั้ง สมาคมอุตสาหกรรม และสื่อของรัฐ
แม้จะไม่ได้ระบุชื่อ BYD โดยตรง แต่สมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีน (CAAM) ได้ออกแถลงการณ์ว่า การกระทำของ “บางบริษัท” กำลังสร้างแรงสั่นไหวในสงครามราคาอีกครั้ง และเพิ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของอุตสาหกรรม EV และทำให้กำไรของแต่ละบริษัทต้องหดตัวลง
จากการที่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ EV ต่างผลักภาระจากสงครามราคาไปยังเหล่าซัพพลายเออร์ ด้วยการเรียกร้องให้ลดราคาชิ้นส่วน และเลื่อนการจ่ายเงินออกไปหลายเดือน ยกตัวอย่าง การที่ BYD เรียกร้องให้ซัพพลายเออร์รายหนึ่งลดราคาในช่วงปลายปีที่แล้ว กลายเป็นประเด็นที่สื่อรายงานอย่างกว้างขวาง และทำให้เกิดความสนใจว่า BYD อาจใช้วิธีจัดหาเงินทุนผ่านห่วงโซ่อุปทานเพื่อซ่อนหนี้ที่แท้จริงของตัวเองที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากรายงานของบริษัท GMT Research ระบุว่า หนี้สุทธิที่แท้จริงของ BYD อาจอยู่ที่ประมาณ 323,000 ล้านหยวน (ประมาณ 1.46 ล้านล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการที่ 27,700 ล้านหยวน (ประมาณ 125,636 ล้านบาท) ที่เคยรายงานไว้เมื่อเดือนมิถุนายน 2024 โดยข้อสังเกตนี้เกิดจากกลยุทธ์การชะลอจ่ายเงินให้ซัพพลายเออร์ และการใช้การจัดหาเงินทุนผ่านห่วงโซ่อุปทาน
ที่มา: yahoo/finance