Val Kilmer ยอดพระเอกผู้สูญเสียเสียงจากมะเร็ง แต่ AI ทำให้กลับมาพูดได้

วัล คิลเมอร์ (Val Kilmer) คือหนึ่งในตำนานของฮอลลีวูดที่โด่งดังจากบทบาท ‘Iceman’ ใน ‘Top Gun’ จิม มอร์ริสัน ใน ‘The Doors’ และแบทแมนใน ‘Batman Forever’ ชีวิตของเขากลับต้องพบกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ เมื่อวันหนึ่งเสียงที่เคยทรงพลังต้องเงียบหายไป

ในปี 2015 คิลเมอร์ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำคอ การรักษาด้วยการฉายรังสีและการผ่าตัดช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ แต่กลับพรากเสียงของเขาไปเกือบหมด เขาต้องใช้ท่อเจาะคอเพื่อการหายใจ การพูดกลายเป็นเรื่องยากลำบาก และเสียงพูดของเขาแทบไม่มีใครฟังรู้เรื่อง เสียงที่เคยเปล่งอารมณ์ในจอภาพยนตร์กลับเหลือเพียงเสียงกระซิบแหบพร่า สำหรับนักแสดง เสียงไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่คือแก่นของการถ่ายทอดอารมณ์ แน่นอนว่าการสูญเสียเสียงสำหรับคิลเมอร์ จึงเหมือนการค่อย ๆ หายไปจากโลกที่เขารัก

จนกระทั่งในปี 2021 แสงแห่งความหวังกลับมาส่องอีกครั้ง ผ่านเทคโนโลยี AI บริษัท Sonantic ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการจำลองเสียง ร่วมมือกับคิลเมอร์เพื่อทำในสิ่งที่หลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ นั่นก็คือการ “สร้างเสียงของเขาขึ้นมาใหม่” จากคลิปเสียงในอดีต ทั้งในภาพยนตร์ เบื้องหลัง และบทสัมภาษณ์

ในการสร้างเสียงจำลองของคิลเมอร์ บริษัท Sonantic ใช้เทคโนโลยีการสังเคราะห์เสียงด้วยปัญญาประดิษฐ์ โดยอาศัยการเรียนรู้เชิงลึก (deep learning) และเทคนิค voice cloning ผ่านโครงข่ายประสาทเทียม โมเดล AI ถูกฝึกให้เข้าใจลักษณะเฉพาะของเสียงพูดของคิลเมอร์ ทั้งน้ำเสียง (timbre), ระดับเสียงสูงต่ำ (pitch), จังหวะการพูด (rhythm) และโทนอารมณ์ (inflection) เพื่อให้เสียงที่ได้ฟังดูใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด

ขั้นตอนแรกคือการรวบรวมคลิปเสียงคุณภาพสูงของคิลเมอร์ในช่วงก่อนป่วย ทีมงานได้รับความร่วมมือจากครอบครัวในการนำเสียงจากภาพยนตร์เก่า บทสัมภาษณ์ รวมถึงวิดีโอบันทึกส่วนตัวของเขามาใช้ ข้อมูลเหล่านี้ครอบคลุมการพูดในหลายโทนและหลายอารมณ์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างโมเดลเสียงที่สมบูรณ์

โดยปกติ Sonantic จะใช้เสียงจากนักพากย์มืออาชีพที่บันทึกไว้หลายชั่วโมงในการสร้างโมเดลเสียงหนึ่งเสียง แต่ในกรณีของคิลเมอร์ ปริมาณข้อมูลเสียงที่ชัดเจนมีอยู่อย่างจำกัด ทีมงานจึงต้องใช้ซอฟต์แวร์ฟื้นฟูเสียง เช่น iZotope RX และเครื่องมือเฉพาะทาง เพื่อล้างเสียงรบกวนจากคลิปเก่า ๆ และปรับคุณภาพเสียงให้เหมาะสมกับการนำไปฝึกโมเดล AI

แม้จะมีข้อมูลเสียงไม่ถึงตามมาตรฐานที่ต้องการ (โดยทั่วไปต้องมีอย่างน้อย 3 ชั่วโมง) แต่ทีมงานก็สามารถฝึกโมเดลได้สำเร็จ โดยสร้างต้นแบบเสียงขึ้นมามากกว่า 40 แบบ แล้วคัดเลือกเสียงที่ใกล้เคียงกับตัวจริงของคิลเมอร์มากที่สุด ทั้งในด้านเสียงและอารมณ์

เมื่อได้โมเดลเสียงแล้ว ระบบของ Sonantic จะทำหน้าที่เปลี่ยนข้อความที่พิมพ์ให้กลายเป็นเสียงของคิลเมอร์อย่างเป็นธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า text-to-speech (TTS) โดยสามารถนำไปใช้ทั้งในงานภาพยนตร์หรือการสื่อสารในชีวิตจริง โมเดลนี้ยังสามารถปรับแต่งลักษณะเสียงให้ตรงกับเจตนาได้ เช่น เลือกให้น้ำเสียงฟังดูตื่นเต้น เศร้า หรือจริงจัง ปรับจังหวะการพูดให้เร็วหรือช้าได้ตามบริบท

Sonantic เปรียบเทียบเทคโนโลยีของพวกเขาว่าเป็น “Photoshop สำหรับเสียงพูด” เพราะไม่ใช่แค่สร้างเสียงขึ้นมาแต่สามารถควบคุมทุกองค์ประกอบของการพูด เพื่อให้ถ่ายทอดอารมณ์และตัวตนได้อย่างแม่นยำ

ในการใช้งานจริง คิลเมอร์ใช้โปรแกรมที่ออกแบบมาเฉพาะ ซึ่งเขาสามารถพิมพ์ข้อความที่อยากสื่อสาร จากนั้นเสียงของ AI ก็จะเปล่งถ้อยคำเหล่านั้นแทนเขา และในบางกรณี เขายังสามารถเลือกปรับโทนหรือจังหวะก่อนให้ระบบสังเคราะห์เสียงขั้นสุดท้าย โปรแกรมนี้ยังสามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับการพูดแบบเรียลไทม์ กล่าวคือ เมื่อเขาพิมพ์ข้อความ ระบบจะสังเคราะห์เสียงและพูดออกมาได้ภายในไม่กี่วินาที ทำให้การสนทนาเป็นไปอย่างต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติ

เสียงของคิลเมอร​์ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในสารคดีส่วนตัวชื่อ ‘Val’ และในปี 2022 คิลเมอร์กลับมาปรากฏตัวใน ‘Top Gun: Maverick’ ในบท Iceman แม้จะมีบทพูดเพียงไม่กี่คำ แต่คำพูดที่ออกมาก็ทรงพลังและทำให้แฟน ๆ หายคิดถึงได้ไม่น้อย

วันที่ 1 เมษายน 2025 คิลเมอร์เสียชีวิตอย่างสงบในลอสแอนเจลิส ด้วยวัย 65 ปี จากภาวะปอดบวม แม้จะจากโลกไปแล้ว แต่เสียงของคิลเมอร์ยังคงอยู่ ในภาพยนตร์ ในความทรงจำ และในรูปแบบดิจิทัลที่ไม่มีวันเลือนหาย

Author Image

Editor-in-Chief ผู้เป็นทาสหมา นักดนตรีแจ๊ส และเขียนหนังสือได้นิดหน่อย

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...