ซีเมนส์ (SIEMENS) เผยเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มไทย พร้อมหนุนผู้ประกอบการไทยสู่ Digital Manufacturing จับมือบริษัท ธนากรผลิตน้ำมันพืช จำกัด นำระบบจัดการขนส่งมาใช้ที่แรกในอาเซียน
เทรนด์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก
อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเองกำลังเผชิญหน้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป เช่น คนต้องการอาหารเร็วขึ้น คนต้องการอาหารทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพทำให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
ด้านต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มนั้นเพิ่มสูงขึ้น นั่นทำให้บริษัทต่างๆ เริ่มนำเทคโนโลยีมาช่วยลดต้นทุน ไม่ใช่แค่กระบวนการผลิตเท่านั้น แต่นำไปใช้ในซัพพลายเชนทั้งหมด
ในขณะที่ความยั่งยืนก็มีความสำคัญมากขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารน้ำใช้พลังงานคิดเป็น 30% ของทั้งโลก นี่ยังไม่รวมการปล่อยคาร์บอนที่เกิดจากการผลิตและการขนส่ง นั่นทำให้องค์กรต่างๆหันมาใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น
เทรนด์สุดท้ายคือ ความโปร่งใส ที่ผู้บริโภคต้องการเข้าถึงข้อมูลของสิ่งที่กินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นที่มาของอาหาร ใครเป็นผู้ผลิต ผลิตที่ไหน ใช้แรงงานผิดกฎหมายหรือไม่ ซึ่งบริษัทต่างๆ จำเป็นต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับกฎหมาย
ภาพรวมอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มทั่วโลก
อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มถือเป็นอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูงเนื่องจากเป็นสิ่งที่คนบริโภคทุกวัน มีการคาดการณ์ว่ามูลค่าอุตสาหกรรมนี้จะเติบโตจาก 667,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 เป็น 900,000 ล้านในปี 2028 โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีประชากร 1 ใน 4 ของโลก
เมื่อมองในด้านธุรกิจนั้นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มนั้นมีความั่นคงค่อนข้างสูง สามารถฟื้นตัวจากวิกฤตได้อย่างรวดเร็วให้ผลตอบแทนในระยะยาวค่อนข้างมั่นคง ปัจจัยหลักที่ส่งเสริมให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต ก็คือ กลุ่มคนชั้นกลางที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคนกลุ่มนี้นั้นต้องการอาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณภาพ รวมถึงดูแลสุขภาพมากขึ้น นอกจากนั้นยังมีกลุ่มอาหารฮาลาลที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้นยังมีแรงผลักดันด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ e-commerce ที่เติบโตมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องโตตามไปด้วย เช่น Cloud Kitchen หรือ บริการ Delivery
สำหรับประเทศไทยนั้น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม คิดเป็น 23% ของ GDP ทั้งประเทศ ทำให้เกิดการจ้างงานถึง 20% ของการจ้างงานทั้งหมด
ไทยเองถือเป็นผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นข้าว อาหารทะเลแปรรูป จนไปถึงน้ำตาล รวมถึงพยายามวางตัวเป็น ฮับด้านอาหารของภูมิภาค ซึ่งกลุ่มที่มาแรงก็คือ อาหารฮาลาล ด้วยการส่งออกกว่า 40% ไปยังภูมิภาคอาเชียน
ความท้าทายของอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
อุตสาหกรรมอาหารที่ยังใช้กระบวนการผลิตแบบเดิมๆเองก็ต้องเจอกับความท้าทายหลายด้าน เริ่มตั้งแต่
ทางรัฐบาลไทยก็พยายามผลักดันให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มพยายามทำ Digital Transformation มากขึ้น ผ่านนโยบายต่างๆ เช่น Thailand 4.0 , ระเบียงเศรษฐกิจ EEC รวมถึงดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศให้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิต
จากผลสำรวจของ McKinsey พบว่า 70% ของบริษัทที่เปลี่ยนมาเป็น Smart Factory นั้นได้ประโยชน์จากโซลูชัน AI, Big Data, Machine learning และระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ แต่จากการสำรวจ 1335 บริษัทในไทยนั้น ผู้ผลิตส่วนใหญ่ยังใช้การผลิตแมนนวลแบบเดิม พบว่ามีแค่ 2% ที่พร้อมนำระบบการผลิตอัจฉริยะมาใช้
จับมือ TVOP นำระบบโลจิสติกส์มาใช้ที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทางซีเมนส์นั้นมีโซลูชันแบบครบวงจรตั้งแต่ซอฟต์แวร์จนไปถึงระบบหุ่นยนต์อัตโนมัติ เพื่อช่วยส่งเสริมผู้ประกอบเปลี่ยนผ่านไปสู่ดิจิทัล ซึ่งโซลูชันส่วนใหญ่นั้นปรับเป็น SaaS (Software as a service) ทำงานบน Cloud เป็นส่วนใหญ่ สามารถเลือกใช้ตามความต้องการ ทำให้การลงทุนนั้นไม่ได้มากเท่ากับเมื่อก่อน โดยลูกค้าสามารถเลือกจ่ายเท่าที่จำเป็นใช้งาน แถมยังสเกลได้หากจำเป็นต้องใช้มากขึ้น ส่งผลให้ SME ขนาดกลางและเล็กเข้าถึงได้ง่าย
ล่าสุดทางซีเมนส์ก็เพิ่งจับมือกับบริษัท ธนากรผลิตน้ำมันพืช จำกัด (TVOP) นำซอฟต์แวร์ดิจิทัลโลกิสติกส์มาใช้เป็นที่แรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพัฒนาบนแพลตฟอร์ม AX4 ของซีเมนต์ ทำงานบนระบบคลาวด์ มีการประมวลผลข้อมูลที่ปลอดภัย เพื่อช่วยให้วางแผนและติดตามกระบวนการขนส่งได้ครอบคลุมแบบเรียลไทม์
นอกจากนั้นยังทำให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้ซัพพลายเชนมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อให้ส่งสินค้าได้ตรงเวลา สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า