รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เสนอร่างงบประมาณเบื้องต้นในปี 2026 ซึ่งเป็นการตัดงบครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ NASA ตั้งแต่ก่อตั้งมา 67 ปี ก็ว่าได้ และถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “skinny budget” ของทำเนียบขาว
ซึ่งนโยบายนี้สอดคล้องกับความต้องการของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) หรือที่เรียกว่า DOGE wishlist โดยตัดงบในส่วนของโครงการวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ของ NASA ทั้งยกเลิกโครงการสถานีอวกาศ Gateway และยุติการใช้งานจรวด Space Launch System (SLS) และแคปซูล Orion หลังจากบินเพียงแค่ 3 เที่ยวเท่านั้น ซึ่งให้เหตุผลว่าไปใช้ระบบจากภาคเอกชนที่คุ้มค่ามากกว่า ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อทั้งตัวมัสก์เอง และเจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos)
จากข้อเสนอของทรัมป์จะตัดงบของ NASA ลงมากกว่า 6,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 198,800 ล้านบาท) จากงบในปี 2025 เหลือเพียง 18,800 ล้านเหรียญ (ประมาณ 623,000 ล้านบาท) เท่านั้น หรือนับเป็น 24% เลยทีเดียว โดยมีสัดส่วนดังนี้
โดยในส่วนโครงการที่จะถูกยกเลิกนอกจากสถานีอวกาศ Gateway ซึ่งแผนเดิมตั้งใจให้เป็นศูนย์กลางสำหรับภารกิจไปดวงจันทร์ และดาวอังคารแล้ว ก็มีโครงการที่ร่วมกันกับองค์การอวกาศยุโรป (ESA) เพื่อนำตัวอย่างดินจากดาวอังคารกลับสู่โลก, โครงการด้านการบินที่ยั่งยืนของ NASA และงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับโครงการ DEIA (ความหลากหลาย ความเสมอภาค การยอมรับ และการเข้าถึง) ที่ถูกมองว่าไม่สอดคล้องกับเป้าหมายปัจุบัน
แม้จะมีการวางแผนตัดงบลงในหลายภาคส่วน แต่ก็มีอีกส่วนที่ยังได้รับงบประมาณเพิ่มนั่นก็คือ ‘โครงการสำรวจอวกาศโดยมนุษย์’ ซึ่งได้งบเพิ่มอีก 650 ล้านเหรียญ (ประมาณ 21,500 ล้านบาท) โดยในส่วนนี้ยังรวมถึงการเพิ่มงบสำหรับสำรวจดวงจันทร์กว่า 7,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 232,000 ล้านบาท) และอีก 1,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 33,000 ล้านบาท) สำหรับการสำรวจดาวอังคารอีกด้วย
อย่างไรก็ตามร่างงบประมาณตัวนี้ยังคงต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาสหรัฐฯ ซึ่งอาจมีการแก้ไขหรือลดทอนบางส่วนก่อนที่จะประกาศให้มีผลในปี 2026
ที่มา: Engadget