รีวิวแพ็กคู่ HONOR 400 Pro และ 400 รุ่นกลางที่เกือบจะเป็นเรือธงอยู่แล้ว

เวลาเราจะซื้อสมาร์ตโฟนสักเครื่อง เขาดูอะไรกันบ้างคะ

1. ดูชิปเซตในเครื่อง ถ้าแจนบอกว่า มือถือเครื่องนี้ให้ Snapdragon 8 Gen 3 ล่ะ
2. ดูกล้องถ่ายภาพ แล้วถ้าแจนบอกว่า เครื่องนี้ให้กล้องหลัก 200 ล้านพิกเซล แถมมีกล้องซูม 50 ล้านพิกเซลให้ด้วยล่ะ
3. ดูฟีเจอร์ AI ถ้าแจนบอกว่า เครื่องนี้ก็สามารถทำแบบนี้ได้ด้วยล่ะ (พี่แจนนั่งโพสต์ ยิ้ม ชูมือขึ้น แล้วถ่ายช็อตนั้นด้วย HONOR 400 Pro + เสียงชัตเตอร์​ จากนั้น ให้เอาเครื่องมาเจนวิดีโอด้วย HONOR AI แล้วเอาวิดีโอมาต่อภาพถ่าย)
4. และที่สำคัญ ดูราคา แล้วถ้าแจนบอกว่า ไม่ว่าจะรุ่นกลางอย่าง HONOR 400 หรือรุ่นท็อปที่แจนบอกสเปกเมื่อกี้อย่าง HONOR 400 Pro เครื่องนี้ ก็ราคาไม่ถึง 20,000 เลยสักรุ่นล่ะ !?

ทั้ง 2 รุ่นนี้มีอะไรดีบ้าง เดี๋ยวแจนเล่าให้ฟังเอง !

โอเคทุกคน ต้องบอกว่า HONOR 400 Series นี่มันอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้าแบบก้าวกระโดดเลยนะ ! ใครที่ตาม HONOR Number Series จะรู้ว่าเขามาแบบรุ่นเว้นรุ่น อย่างรอบที่แล้วข้าม HONOR 100 ไป 200 เลย รอบนี้ก็ข้าม 300 (ที่ขายเฉพาะในจีน) มาเป็น 400 Series นี่แหละค่ะ แล้วมันมีอะไรใหม่บ้างล่ะ ?

กล้องถ่ายภาพ

อย่างกล้องถ่ายภาพของ HONOR 400 Pro นี่จัดกล้องหลักมาให้แบบโหด ๆ 200 ล้านพิกเซล! ใช่ค่ะ 200 ล้านพิกเซล แถมกระซิบว่าเซนเซอร์ตัวเดียวกับกล้องซูมใน Magic7 Pro ตัวท็อปด้วยนะ! ไม่จบแค่นั้น ยังมีกล้อง Telephoto 50 ล้านพิกเซล เซนเซอร์ Sony IMX856 ซูมออปติคัล 3x ไปได้สุดๆ ถึง 50x แล้วก็กล้อง Ultrawide 12 ล้านพิกเซล ใช่ค่ะ 12 ล้าน, ไม่ใช่ 8 ส่วนกล้องหน้าก็ 50 ล้านพิกเซลคม ๆ ไปเลย สำหรับรุ่นน้อง HONOR 400 ก็ได้สเปกกล้องเกือบเหมือนรุ่นพี่เป๊ะ! ต่างกันแค่ ไม่มีกล้อง Telephoto มาให้แค่นั้นเอง แต่! กล้องหลัก 200MP ยังอยู่นะ ก็ถือว่าพอใช้แทนกันได้ในหลาย ๆ สถานการณ์เลยค่ะ

แล้วเจ้ากล้อง 200MP เนี่ย มันดีจริงไหม? มาลองดูภาพกัน! ซึ่งถ่ายออกมาแล้ว โอ้โห ! รายละเอียดมาเต็มเลยค่ะ โทนสีอาจจะไม่ได้สดเด้ง แต่เน้นความสมจริง คอนทราสต์กำลังดีเลย ที่สำคัญคือถ่ายแสงน้อยก็ยังไหว! สว่างใช้ได้ ไม่ต้องรอนานด้วย ทั้งในรุ่น Pro และรุ่นธรรมดาเลย ที่เรียกว่าน่าประทับใจสุด ๆ คือกล้องหลักใน HONOR 400 ที่ใช้เซนเซอร์ตัวเดียวกันกับรุ่นโปร คุณภาพของภาพนี่สู้กับรุ่นโปรได้เลย

ส่วน Ultrawide ถึงจะไม่ได้คมกริบเท่ากล้องหลัก (แหงล่ะ ความละเอียดเขาน้อยกว่า) แต่สีสันยังคงความต่อเนื่องได้ดี ไม่โดดจากกล้องหลัก ถือว่าสอบผ่าน!

กล้องซูมเฉียบ

ทีนี้มาดูเรื่องซูมในตัว Pro กันบ้าง ถ้าซูมไม่เกิน 3x ก็ครอปจากกล้องหลักไป ความละเอียดยังเหลือๆ แต่พอเกิน 3x ปุ๊บ! สลับไปใช้เลนส์ซูมแทน คมชัดไปได้ถึงประมาณ 15x หลังจากนั้นก็จะเริ่มเห็นอาการ ‘วุ้น’ บ้างแล้ว ส่วน HONOR 400 ที่ใช้ครอปจากกล้องหลักล้วนๆ ก็อาจจะดูวุ้น ๆ เร็วกว่าหน่อย และซูมได้สุด 30 เท่าเท่านั้น

แต่ HONOR เขาไม่ยอมแค่นั้น! เลยส่ง ‘AI Super Zoom‘ มาช่วยชีวิต! ใช่แล้วค่ะ คือใช้ AI มาช่วยเติมรายละเอียดให้ภาพซูมของเราคมขึ้น! แบบเดียวกับที่เห็นใน Magic7 Pro นั่นแหละ ใน HONOR 400 Series ทั้ง Pro และรุ่นธรรมดา แค่ซูมถึง 15 เท่า ก็เรียกใช้ AI มาช่วยได้เลย แจนมีทิปให้นิดนึง : ถ้าเราถ่ายวัตถุที่ AI มัน ‘รู้จัก’ หรือมีข้อมูลอยู่แล้ว เช่น อาคาร หรือวัตถุที่มีรูปทรงชัดเจน ภาพที่ได้จะคมชัดขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลยล่ะค่ะ

ถ่ายคนสวยด้วยความร่วมมือ Harcourt Studio

พูดถึงถ่ายคน HONOR เขาไปจับมือกับ Harcourt Studio จากฝรั่งเศสเหมือนเดิมเลย มาร่วมจูนสีให้ถึง 3 สไตล์ คือ Harcourt Vibrant (สดใส ถ่าย Outdoor เวิร์ค), Harcourt Color (โทนอุ่นนิด ๆ ถ่าย Indoor แสงสวย ๆ คือดี), และ Harcourt Classic (ขาวดำเท่ ๆ) แต่ยังไม่พอ HONOR 400 Pro และ 400 ยังมี ‘Film Simulation‘ หรือฟิลเตอร์ฟิล์มจำลองมาให้อีก 6 แบบ คือมีอีก 6 ลุคให้ถ่ายภาพเลยทีเดียว HONOR บอกว่าใช้ AI HONOR Image Engine วิเคราะห์แสงและวัตถุเพื่อจูนสีให้เข้ากันด้วยนะ แต่ละโทนก็เหมาะกับซีนที่ต่างกันไป อย่าง NC100 นี่เหมาะกับถ่ายคนในสวน มีต้นไม้เขียว ๆ เป็นพื้นหลัง หรือ NN400 ที่เป็นโทนฟิล์มหนังเก่า ๆ เติมเกรนหน่อย ๆ ดูดีไปอีกแบบเลย

นอกจากโทนสีแล้ว AI ยังมาช่วยเรื่องความละเอียดภาพคนด้วย AI Enhanced Portrait ทำงานคล้ายๆ AI Super Zoom เลย คือใช้ AI เพิ่มความคมชัดให้ภาพ Portrait ของเรา เป็นฟีเจอร์ที่ยืมมาจาก Magic7 Pro เหมือนกัน (แต่ฟีเจอร์นี้มีเฉพาะใน HONOR 400 Pro นะ ชาว 400 อาจจะต้องอดฟีเจอร์นี้ไปก่อน)

ส่วนกล้องหน้าของทั้ง 2 รุ่นนั้น คุณภาพออกมาดูดีใกล้เคียงกล้องหลังเลย แต่! Harcourt, Film Simulation, AI Enhanced Portrait จะใช้กับกล้องหน้าไม่ได้นะ ได้แค่เบลอหลังสวย ๆ ไป

Advance AI

ไหนๆ ก็พูดถึง AI แล้ว HONOR เขาเคลมว่า HONOR 400 Series เนี่ย มี Advance AI มากกว่า 40 ตัว! แจนคงนั่งนับไม่ไหว แต่ที่แน่ ๆ คือมันเยอะจริง เริ่มจากตัวใหม่ล่าสุดที่มากับซีรีส์นี้เป็นครั้งแรก และ HONOR ยังบอกว่าเป็นครั้งแรกของโลกในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนด้วย อย่าง Advance AI Image to Video AI ที่เปลี่ยนภาพนิ่งเป็นวิดีโอได้ HONOR บอกว่าใช้ Veo AI ของ Google มาช่วยสร้างการเคลื่อนไหวให้เลย แค่โยนภาพถ่ายหรือ Moving Photo (ก็ Live Photo นั่นแหละ) เข้าไป เลือกอัตราส่วน 9:16 หรือ 16:9 ปุ๊บ AI ก็จะประมวลผลวิดีโอ 5 วินาทีออกมาให้เลย Quick tip: ใช้ภาพที่อัตราส่วนตรงกันแต่แรกจะดีที่สุด ภาพจะได้ไม่โดนครอป หรือใช้ภาพ 4:3 ปกติก็ได้เหมือนกัน

นอกจากนี้ยังมี Advance AI Eraser ที่อัปเกรดให้ลบคนที่ไม่ต้องการในภาพได้แล้วด้วยเมนู Advance AI Erase Passers-by แล้วก็มี Advance AI Remove Reflection ลบแสงสะท้อนหรือเงาต่าง ๆ ได้แล้วด้วย

ถ่ายภาพคนก็ยังมี AI Face Tune ที่ฉลาดขึ้นไปอีก! สามารถแก้ปัญหาคนหลับตาในรูปได้ โดยการเอาตาจากรูปอื่นที่เราถ่ายหน้าคนนั้น ๆ ไว้มาใส่แทน เพราะงั้นถ้าถ่ายไว้หลายช็อต ก็ใช้ AI ช่วยปรับให้ได้สบาย ๆ เลย

และฟีเจอร์ AI อื่น ๆ ที่อัปเดตมาใหม่ เช่น AI Outpainting ขยายภาพที่แคบไปให้กว้างขึ้นด้วย AI, AI Upscale เพิ่มความละเอียดภาพเก่าให้คมชัด, หรือ AI Cutout 2.0 ที่ใช้ AI ไดคัทวัตถุออกจากภาพได้เนียน ๆ เอาไว้เปลี่ยนพื้นหลัง ทำพื้นหลังใส หรือทำพื้นหลังสีเดียวก็ยังได้ อันนี้มีประโยชน์จริง ๆ ค่ะ

ที่เจ๋งคือ AI เกี่ยวกับภาพทั้งหมดที่ว่ามานี้ ใช้ได้ทั้ง HONOR 400 Pro และ HONOR 400 เลยค่ะ

สารพัดโหมด AI

ยังไม่หมด ยังมี AI อื่น ๆ อีกเพียบ ! อย่าง AI Translation (ที่เพิ่งรองรับภาษาไทยไปเมื่อต้นปี) ก็มีให้ใช้ทั้งสองรุ่น แต่ตัว Pro จะได้ของเล่นเพิ่มคือ AI Live Translation เอาไว้แปลภาษาสด ๆ ตอนคุยโทรศัพท์! แล้วก็มี AI Deepfake Detection ใช้ AI จับ Deepfake อีกที! AI-ception ชัด ๆ

หรือจะเป็น AI Notes ที่เป็นเหมือนผู้ช่วยส่วนตัวในแอป Notes ทั้ง AI Summary (สรุปโน้ตยาว ๆ หรือเสียงที่อัดมา), AI Format (จัดหน้าเอกสารให้อ่านง่าย), และ AI Minutes (ทำรีพอร์ตการประชุมจากเสียงที่อัดไว้) พวกนี้ทำงานร่วมกับ AI Recorder ที่ตอนนี้แอปฯ อัดเสียงก็ใช้ AI ถอดเสียง แปลภาษา สรุปเป็น Minutes ต่อได้เลย! สุดท้ายคือ AI Writing ที่ให้ AI ช่วยเขียนตามหัวข้อที่เราสั่ง ปรับสำนวนให้สละสลวยขึ้น เปลี่ยนโทนการเขียน หรือแม้แต่แก้คำผิด! อันนี้เหมาะมาก ทั้งกับนักเรียน นักศึกษา ยันคนทำงานเลย คือเรียกง่าย ๆ ว่า AI พวกนี้จะช่วยให้การทำงานของเราสะดวกขึ้นอีกเยอะเลยล่ะค่ะ (แต่แอบเสียดายที่ตอนนี้ AI Notes, AI Writing, และ AI Recorder ยังไม่รองรับภาษาไทย ต้องรออัปเดตกันต่อไป เหมือนตอน AI Translation นั่นแหละค่ะ)
ที่น่าสนใจสุดๆ คือ ฟีเจอร์ AI เกือบทั้งหมดที่แจนเล่ามายาวเหยียดเนี่ย ใช้ได้ทั้ง HONOR 400 Pro และ HONOR 400 เลยนะ! เรียกว่าต่อให้ซื้อรุ่นเริ่มต้น ก็ยังได้เล่น AI พวกนี้แบบเต็ม ๆ ส่วนใครที่ใช้ Magic7 Pro อยู่ ก็ไม่ต้องน้อยใจไป แจนแอบไปถาม HONOR มาให้แล้ว เขาบอกว่าน่าจะมีอัปเดตเพิ่ม AI พวกนี้ (ยกเว้น AI Image to Video) ให้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ด้วย ไม่ทิ้งกันนา

สเปกภายในเครื่อง

ทีนี้มาดูสเปกภายในกันบ้าง อย่างที่บอกไปตอนแรก HONOR 400 Pro มากับชิปเรือธงปีที่แล้วอย่าง Snapdragon 8 Gen 3 ยังเป็นรุ่นที่เร็วแรงอยู่ ! คือตัวเดียวกับใน Magic6 Pro เลยนะ มาพร้อม RAM 12GB และความจุ 512GB ส่วน HONOR 400 ใช้ชิป Snapdragon 7 Gen 3 กับ RAM 12GB และความจุ 256GB หรือ 512GB

ทั้งสองรุ่นให้ชิปเซ็ตที่ถือว่าแรงมากๆ ในระดับราคาของแต่ละรุ่นเลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะ HONOR 400 Pro นี่เล่นได้ทุกเกมจริง ๆ (ก็ชิปเรือธงปีที่แล้วอ่ะเนอะ) อย่าง Genshin Impact ลื่นปรื๊ด RoV ก็เนียนกริบ (HONOR 400 อาจจะต้องปรับกราฟิกนิดหน่อย แต่ก็ยังเล่นได้สบายๆ)

อีกหนึ่งจุดเด่นของ HONOR ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือหน้าจอถนอมสายตา ซึ่ง HONOR 400 Pro และ 400 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังค่ะ ทั้งคู่ได้จอ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ขอบโค้งนิดๆ (ในรุ่น Pro) และ 6.55 นิ้ว จอแบน (ในรุ่น 400) ความสว่างสูงสุด 5,000 nits และเทคโนโลยีถนอมสายตา HONOR Eye Comfort Display จัดเต็ม ทั้ง PWM Dimming 3840Hz (กะพริบหน้าจอให้เหมาะกับตาเรา ให้ล้ายากขึ้น), Dynamic Dimming, Circadian Night Mode, AI Defocus Display (ที่เคยเห็นกันใน Magic7 Pro) แถมยังมีของใหม่ Motion Sickness Relief ที่ช่วยลดอาการเมารถเวลาดูจอในรถด้วยการสร้างจุดด้านข้างจอแล้วขยับตามการเคลื่อนไหวของรถได้ด้วย

เรื่องแบตเตอรี่ ทั้งสองรุ่นให้แบตฯ Silicon-Carbon ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ แบบที่พี่ซีเคยเล่าเอาไว้ ทำให้ตัวเครื่องที่บางแค่นี้ (Pro 8.1mm, รุ่นธรรมดา 7.3mm) สามารถยัดแบตฯ มาให้ได้ถึง 6,000 mAh ทั้งคู่ คือเยอะมาก รุ่น Pro ชาร์จเร็ว 100W SuperCharge และยังรองรับชาร์จไร้สาย 50W Wireless SuperCharge อีก! ส่วนรุ่นเล็ก ชาร์จมีสายได้สูงสุด 80W SuperCharge ค่ะ (ซึ่งก็เร็วมากทั้งคู่อยู่ดี)

ดีไซน์โดยรวมก็มีความคล้ายกันอยู่บ้าง แต่รุ่น Pro จะเป็นจอโค้ง ขอบเครื่องและฝาหลังก็จะโค้งรับกันไป แล้วก็กันน้ำกันฝุ่น IP69 และ IP68 ในขณะที่รุ่น 400 จะเป็นขอบตัดเรียบ ๆ ตามสไตล์จอแบน กันน้ำกันฝุ่น IP66 โดย HONOR 400 Pro จะมีขายในไทย 2 สี (Lunar Grey ที่อยู่ในมือ กับสีดำ Midnight Black) ส่วน HONOR 400 ก็มี 2 สีเหมือนกัน (สี Desert Gold ในมือ กับสีดำ Midnight Black)

สรุปราคา Honor 400 Pro และ Honor 400

ด้วยราคาของ HONOR 400 Pro ที่ 19,990 บาท และ HONOR 400 เริ่มต้นที่ 12,990 บาท (สำหรับรุ่น 12/256GB) และ 14,990 บาท (สำหรับรุ่น 12/512GB) เอาจริงๆ นะ แจนว่าเป็นราคาที่คุ้มมาก ๆ ทั้งสเปกและฟีเจอร์ AI ที่ให้มา มันเกือบจะเป็นเรือธงอยู่แล้วจริง ๆ! แจนว่า HONOR 400 ทั้งสองรุ่นนี้เหมาะมากสำหรับคนที่อยากได้สมาร์ตโฟนที่คุ้มค่าสุด ๆ และได้ฟีเจอร์ AI มาให้เล่นแบบจุใจ ถ้าซื้อช่วงเปิดตัวมีโปรโมชันด้วยนะ! เช็กรายละเอียดเพิ่มเติมในคอมเมนต์ได้เลยค่ะ