Adobe เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล generative AI ‘Firefly Image Model 4’ และฟีเจอร์ใหม่สุดล้ำของฝั่ง Creative Cloud พร้อมอัปเดตให้กับแอปฯ Photoshop และ Illustrator กันแล้ว
สำหรับ Firefly Image Model 4 มากับฟีเจอร์ใหม่ตามแนวทางเดียวกับที่ OpenAI และ Google ทำไว้ก่อนหน้านี้เลยครับ โดยผู้ใช้งานสามารถสร้างภาพด้วย AI ได้ 2 ตัวเลือก ระหว่างโมเดลที่เน้นความเร็ว และโมเดลที่ต้องการความละเอียดสูง
ทาง Adobe ยังกล่าวว่าเวอร์ชันนี้เป็น Firefly ที่เร็วที่สุด ควบคุมได้ละเอียดที่สุด และสมจริงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสร้างภาพความละเอียดสูงได้ถึงระดับ 2K เลยทีเดียว พร้อมปรับขนาด และมุมกล้องได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น โดยออกแบบให้การสร้างภาพทำได้ละเอียด และสมจริงมากกว่าที่เคย นอกจากนี้ยังมี Firefly Image Model 4 Ultra ที่เพิ่มความสามารถในการเรนเดอร์โครงสร้างขนาดเล็ก และซับซ้อนอีกด้วย
Firefly Image Model 4 พร้อมให้ใช้งานแล้วผ่านเว็บแอปฯ Firefly ควบคู่ไปกับ Adobe text-to-video และ text-to-vector model ที่เปิดตัวแบบเบต้าให้ทดลองใช้กันไปแล้วก่อนหน้านี้
นอกจากนี้แล้ว Firefly web platform tool อย่าง ‘Firefly Boards’ แอปฯสร้าง moodboard (คล้ายกับ Figjam) รุ่นเบต้ายังเปิดให้ใช้งานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
เท่านั้นยังไม่หมด ตัวเว็บแอปฯ Firefly เองยังรองรับการใช้โมเดล AI จาก third-party เช่น OpenAI และ Google ในการสร้างภาพ และวิดีโอได้อีกด้วย ซึ่งทางบริษัทกล่าวว่าฟีเจอร์นี้มีไว้สำหรับ “ทดลอง” มากกว่าจะนำไปใช้งานจริงครับ เพราะอย่างที่ทราบกันโมเดลของ Adobe ให้ความสำคัญกับเรื่องลิขสิทธิ์ และปลอดภัยสำหรับในเชิงพาณิชย์ ในขณะที่ทาง OpenAI, Google และ Runway นั่นต่างออกไป
และสำหรับใครที่กำลังรอ Firefly เวอร์ชันสมาร์ตโฟน ดูเหมือนเร็ว ๆ นี้จะมีข่าวดีให้ทั้งชาว Android และ iOS ได้ใช้งานกันแล้ว
ในฝั่งของ Creative Cloud จะมีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้กับ 2 แอปฯอย่าง Photoshop และ Illustrator โดยตัว Photoshop มีการพัฒนาให้ผู้ใช้สามารถปรับสีที่ง่ายขึ้น โดยเลือกส่วนที่ละเอียดอย่างใบหน้าหรือเส้นผล พร้อมกับอัปเดตแผง Actions Panel ที่สามารถแนะนำการแก้ไขให้เหมาะสมกับภาพนั่น ๆ และสไตล์ของผู้ใช้
ด้าน Illustrator มีการเปิดตัวเครื่องมือ Generative Shape Fill และ Text-to-Pattern ช่วยเสริมการทำงานของนักออกแบบให้ง่าย และราบรื่นยิ่งขึ้น ซึ่งเวอร์ชันปกติพร้อมให้ใช้งานกันแล้วครับหลังจากที่เปิดเป็นเบต้ากันมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
ที่มา: The Verge