แม้ในช่วงแรกเหล่านักแสดงจะได้เงินดีจากการสแกนภาพลักษณ์ของพวกเขาให้กับบริษัท AI แต่ดูเหมือนตอนนี้จะมีหลายคนเริ่มเป็นกังวลแล้วครับ หลังพบว่าภาพลักษณ์ของตนถูกเอาไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม อย่างการโปรโมตผลิตภัณฑ์ที่ขาดความน่าเชื่อถือ
ยกตัวอย่างเคสของ คอนเนอร์ เยตส์ (Connor Yeates) นักแสดง และนายแบบชาวอังกฤษที่เซ็นสัญญาเป็นเวลา 3 ปี กับ Synthesia บริษัทผลิตวิดีโอจาก AI เป็นมูลค่ากว่า 4,600 ยูโร (ประมาณ 175,000 บาท) ซึ่งเขารู้สึกเหมือนชีวิตได้เข้าเส้นชัยไปอีกก้าวกับโอกาส และการตัดสินใจในครั้งนี้
แต่ภายหลังเขากลับต้องตกใจเมื่อพบว่าภาพลักษณ์ของเขาถูกนำไปโปรโมต อิบราฮิม ตราโอเร (Ibrahim Traore) ประธานาธิบดีประเทศบูร์กินาฟาโซที่ขึ้นสู่อำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2022 ซะอย่างนั้น
โดยหัวหน้าฝ่ายกิจการองค์กรของ Synthesia ได้ออกมายอมรับเองว่า “เมื่อ 3 ปีก่อนมีวิดีโอบางตัวที่หลุดจากการควบคุมดูแลเนื้อหาของเรา”
นี่ไม่ใช่ตัวอย่างเดียวนะครับ ไซมอน ลี (Simon Lee) นักแสดงชาวเกาหลีใต้ก็เจอกับปัญหาในลักษณะเดียวกัน คือภาพลักษณ์ของเขาถูกนำไปใช้ในบทบาทของหมอกับโฆษณาสินค้าสุขภาพที่ขาดความน่าเชื่อถือบน TikTok และ Instagram เช่น ชามะนาวสำหรับลดน้ำหนักหรือการแช่ตัวในน้ำแข็ง (ice baths) เพื่อรักษาสิว
อีกทั้งสัญญาที่พวกเขาเซ็นไว้ทำให้ไม่สามารถลบเนื้อหาพวกนี้ออกได้อีกด้วย กรณีนี้ทำให้เห็นถึงผลที่ตามมาหลังจากกระแส AI ที่กำลังเติบโต และมีนักแสดงจำนวนไม่น้อยที่ขายลิขสิทธิ์ภาพลักษณ์ ทั้งใบหน้าหรือเสียงของตนให้กับบริษัท AI แม้จะทำเงินได้ก้อนโตแต่กลับไม่สามารถควบคุมได้ว่าภาพลักษณ์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ต่ออย่างไร…
โดยการสร้าง avatar AI นักแสดงจะใช้เวลาถ่ายทำหน้ากรีนสกรีน อ่านสคริปต์ และแสดงอารมณ์หลากหลายแบบเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เพื่อให้ AI สามารถสร้างวิดีโอหลากหลายรูปแบบ และภาษาได้ภายหลัง
ทางลูกค้าของ Synthesia เพียงแค่เลือกใบหน้าที่ต้องการ ภาษา และโทนอารมณ์เท่านั้นครับ จากนั้นจึงใส่ข้อความสคริปต์ลงไปซึ่งง่าย และสะดวกรวดเร็วอย่างมาก โดยแพ็กเกตพื้นฐานนั้นใช้งานได้ฟรี แต่รุ่น Pro จะต้องเพิ่มเงินเพียงไม่กี่ร้อยเหรียญเท่านั้น
ปัญหาใหญ่คือสัญญาในการใช้งานสิทธิ์จากภาพลักษณ์ของนักแสดงเหล่านี้กลับเต็มไปด้วยศัพท์ทางกฎหมาย และเงื่อนไขการใช้งานที่คลุมเครือ
อลิสสา มัลชิโอดี (Alyssa Malchiodi) ทนายที่เชี่ยวชาญด้านสัญญาทางธุรกิจให้ความเห็นว่า สัญญาเหล่านี้มักใช้คำว่า ครอบคลุม (broad), ตลอดกาล (perpetual) รวมไปถึงไม่สามารถเพิกถอนได้ (irrevocable) ซึ่งหมายถึงบริษัทจะสามารถใช้งานสิทธิ์ภาพลักษณ์จากนักแสดงเหล่านี้ได้โดยมีผลตลอดไป และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งถ้าเทียบกับเงินที่จ่ายออกไปแล้วก็ถือว่าถูกมากครับ
นี่อาจเป็นผลมาจากการที่เทคโนโลยี AI พัฒนาเร็วเกินกว่าที่กฎหมายจะตามทัน ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างในการปกป้องสิทธิ์ของผู้สร้างผลงาน ปัจจุบันทำให้การใช้ avatar AI ถูกใช้ในโฆษณามากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะรวดเร็ว และประหยัดต้นทุนการสร้างมากกว่าใช้นักแสดงจริง ๆ…
ที่มา: PetaPixel