จีนสั่งเบรกโฆษณา “ระบบขับขี่อัจฉริยะ” หลังอุบัติเหตุรถยนต์ไฟฟ้าคร่า 3 ชีวิตหวั่นผู้บริโภคเข้าใจผิด

ทางการจีนสั่งคุมเข้มการโฆษณารถยนต์ ห้ามผู้ผลิตใช้คำหวือหวาอย่าง “ระบบขับขี่อัจฉริยะ” หรือ “ระบบขับขี่อัตโนมัติ” อีกต่อไป ! งานนี้มีที่มาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัย หลังเกิดอุบัติเหตุสุดสะเทือนขวัญกับรถยนต์ไฟฟ้า Xiaomi SUV7 ที่มีระบบช่วยเหลือการขับขี่ แต่กลับเกิดการชนอย่างรุนแรงในเขตพื้นที่ก่อสร้าง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 3 ราย

จากรายงานของ Xiaomi เอง ระบุว่าระบบช่วยเหลือการขับขี่ของรถเปิดใช้งานอยู่จริงขณะเข้าใกล้พื้นที่ก่อสร้าง ทว่าผู้ขับขี่ได้เข้าควบคุมรถเองก่อนที่จะพุ่งชนแท่งคอนกรีตอย่างจัง อุบัติการณ์ครั้งนี้จุดประกายคำถามสำคัญเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ที่ถูกโหมประโคมอย่างหนักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในจีน

ย้อนกลับไปในปี 2022 หน่วยงาน DMV ของรัฐแคลิฟอร์เนียเคยกล่าวหา Tesla ในทำนองเดียวกันว่าโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับศักยภาพการขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบของรถยนต์ตนเอง แต่ครั้งนั้นไม่ได้นำไปสู่การสั่งห้ามใช้คำโฆษณาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม ทางการจีนภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) ได้ประกาศกฎใหม่นี้ในการประชุมที่มีตัวแทนจากอุตสาหกรรมยานยนต์กว่า 60 รายเข้าร่วม นอกจากข้อจำกัดด้านการโฆษณาแล้ว ยังมีข้อกำหนดเพิ่มเติมที่สั่งห้ามผู้ผลิตรถยนต์ทำการทดสอบและพัฒนาระบบช่วยเหลือการขับขี่ผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์ระยะไกล (Over-the-Air) หากรถยนต์เหล่านั้นถูกส่งมอบถึงมือลูกค้าแล้ว หากบริษัทต้องการปล่อยอัปเดตใด ๆ จะต้องได้รับการอนุมัติหลังผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดเสียก่อน

สำนักข่าว Reuters ชี้ให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์จีนกำลังมีการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าที่หลายบริษัทต่างพากันเปิดตัวรถยนต์พร้อมฟีเจอร์ “ขับขี่อัจฉริยะ” เป็นจุดขายสำคัญ อย่าง BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีน ซึ่งมีฐานการผลิตในเมืองเซินเจิ้น ได้เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ถึง 21 รุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยฟีเจอร์ “ขับขี่อัจฉริยะ” ฟรี เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่สำคัญของพวกเขา ซึ่งจากนี้ไป ผู้ผลิตเหล่านี้อาจต้องปรับเปลี่ยนเนื้อหาการโฆษณาของตนเองเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ที่เข้มงวดขึ้นนี้

ที่มา engadget

นรากร เย็นกลาง