งานวิจัยชี้ ! ใช้แชตบอต AI ถามอาการป่วย อาจเสี่ยงวินิจฉัยผิด

ในยุคที่ระบบสาธารณสุขเผชิญปัญหาคิวยาวและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ผู้คนจำนวนมากหันไปพึ่งแชตบอต AI อย่าง ChatGPT เพื่อวินิจฉัยอาการป่วยด้วยตนเอง ผลสำรวจล่าสุดเผยว่า 1 ใน 6 ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ใช้แชตบอตเพื่อขอคำแนะนำด้านสุขภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจนำมาซึ่งความเสี่ยง ผลการศึกษาจากทีมวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดชี้ว่า ผู้ใช้มักประสบปัญหาในการสื่อสารกับแชตบอต ทำให้ได้คำแนะนำที่ไม่แม่นยำ

อดัม มาห์ดี ผู้อำนวยการฝ่ายบัณฑิตศึกษาของ Oxford Internet Institute และหนึ่งในผู้เขียนงานวิจัย กล่าว “งานวิจัยของเราเผยให้เห็นปัญหาการสื่อสารสองทาง ผู้ที่ใช้แชตบอตไม่ได้ตัดสินใจได้ดีกว่าคนที่พึ่งพาวิธีดั้งเดิม เช่น การค้นหาออนไลน์หรือการใช้ดุลยพินิจของตัวเอง”

ในการศึกษาครั้งนี้ ทีมวิจัยได้คัดเลือกผู้เข้าร่วม 1,300 คนในสหราชอาณาจักร โดยให้เผชิญกับสถานการณ์ทางการแพทย์ที่ออกแบบโดยแพทย์ ผู้เข้าร่วมต้องระบุอาการป่วยที่อาจเกิดขึ้นและหาทางแก้ไข เช่น ไปพบแพทย์หรือเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล โดยใช้ทั้งแชตบอตและวิธีการของตัวเอง แชตบอตที่ใช้ในการทดลองรวมถึง GPT-4o (โมเดลหลักของ ChatGPT), Cohere’s Command R+ และ Meta’s Llama 3

ผลลัพธ์น่าตกใจ แชตบอตไม่เพียงทำให้ผู้เข้าร่วมระบุอาการป่วยได้แย่ลง แต่ยังทำให้พวกเขามองข้ามความรุนแรงของอาการที่พบ มาห์ดีอธิบายว่า ผู้ใช้มักละเลยรายละเอียดสำคัญเมื่อสอบถามแชตบอต หรือได้คำตอบที่ตีความยาก “คำแนะนำจากแชตบอตมักผสมผสานระหว่างคำแนะนำที่ดีและแย่ ในปัจจุบันวิธีประเมินแชตบอตยังไม่สะท้อนความซับซ้อนของการสื่อสารกับผู้ใช้ได้จริง”

ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple, Amazon และ Microsoft กำลังพัฒนา AI เพื่อให้คำแนะนำด้านสุขภาพ เช่น การออกกำลังกาย อาหาร หรือการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ แต่ทั้งแพทย์และผู้ป่วยยังคงมีความเห็นไม่ตรงกันว่า AI พร้อมสำหรับการใช้งานในกรณีที่มีความเสี่ยงสูงหรือไม่ สมาคมการแพทย์อเมริกันแนะนำให้แพทย์หลีกเลี่ยงการใช้แชตบอตอย่าง ChatGPT ในการตัดสินใจทางคลินิก และบริษัท AI ชั้นนำอย่าง OpenAI ก็เตือนว่าไม่ควรใช้แชตบอตในการวินิจฉัยโรค

ที่มา techcrunch

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...