โดรนจับความร้อน ตรวจพบ ‘จิงโจ้ต้นไม้’ สายพันธุ์หายากในออสเตรเลีย

ทีมนักวิจัยค้นพบ ‘จิงโจ้ต้นไม้สายพันธุ์หายาก’ ในป่าฝนประเทศออสเตรเลียโดยบังเอิญ จากโดรนตรวจจับความร้อนที่สามารถตรวจจับอุณหภูมิของสัตว์ได้อย่างแม่นยำแม้จะซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ก็ตาม

เอ็มเมลิน นอร์ริส (Emmeline Norris) หัวหน้าทีมนักวิจัยเผยว่า เดิมทีการศึกษาครั้งนี้ทีมได้ตั้งใจออกค้นหา ‘Flying foxes’ ค้างคาวขนาดใหญ่ในสกุล Pteropus ซึ่งเป็นหนึ่งในค้างคาวที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่โดรนตรวจจับความร้อนที่ใช้งานอยู่กลับตรวจจับจิงโจ้ต้นไม้ได้แทนอย่างรวดเร็ว จากความร้อนของร่างกายของมันใต้เรือนยอดต้นไม้ในป่าฝน

จากรายงานของ Mongabay สิ่งที่นักวิจัยทีมนี้ค้นพบเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากทีเดียวครับ เพราะสิ่งที่โดรนตรวจจับได้ก็คือ ‘จิงโจ้ต้นไม้เบนเนตต์’ (Bennett’s tree kangaroo) ซึ่งพบเห็นได้ยากมากในป่า

แถมจิงโจ้ต้นไม้เบนเนตต์เองยังไม่มีการสำรวจประชากรของพวกมันมานานหลายปีแล้วอีกด้วย ทำให้ไม่มีใครรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์นี้มากนัก ทั้งจำนวนประชากร วงจรชีวิต พฤติกรรม จนไปถึงอาหารการกินของพวกมัน

ภายในเวลาเพียง 20 นาทีต่อมา นักวิจัยก็พบจิงโจ้ต้นไม้เบนเน็ตต์อีก 2 ตัว ตัวหนึ่งกำลังเกาะที่ยอดไม้ ในขณะที่อีกตัวอยู่ด้านล่าง และกำลังกินเถาวัลย์ ซึ่งเช้าวันต่อมาโดรนยังสามารถตรวจจับเจ้าจิงโจ้ต้นไม้เหล่านี้ได้มากถึง 6 ตัว ในป่ากว่า 42 เอเคอร์ ด้วยไม่รบกวนหรือทำให้สัตว์ตัวอื่น ๆ ตกใจแต่อย่างใด และด้วยการซูมของกล้องตรวจจับความร้อนบนตัวโดรนยังทำให้เราทราบเกี่ยวกับอาหารของพวกจิงโจ้ต้นไม้เป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือ เถาวัลย์ และใบไม้อีกด้วย

ประวัติจิงโจ้ต้นไม้

จิงโจ้ต้นไม้พบได้เฉพาะในพื้นที่ป่าฝนเขตร้อนในออสเตรเลีย และนิวกินีเท่านั้น สิ่งที่แตกต่างจากจิงโจ้ปกติญาติที่อาศัยอยู่บนพื้นดินของมันก็คือเจ้าพวกนี้อาศัยอยู่บนต้นไม้ กินใบไม้ และเถาวัลย์เป็นอาหาร

https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Bennett%27s_Tree-kangaroo.jpg#/media/File:Bennett's_Tree-kangaroo.jpg
ภาพจิงโจ้ต้นไม้เบนเนตต์ (Public Domain/ Wikimedia Commons)

สำหรับจิงโจ้ต้นไม้สายพันธุ์เบนเนตต์เป็นสายพันธุ์หายากที่อาศัยอยู่ในป่าที่มีพืชพรรณหนาที่สุดในออสเตรเลีย ซึ่งอยู่ตอนเหนือของแม่น้ำเดนทรี (Daintree River) ในภูมิภาคฟาร์นอร์ทควีนส์แลนด์ ซึ่งปกติแล้วพวกมันมักไม่ค่อยลงมาจากรังที่ปกคลุมไปด้วยเถาวัลย์ ที่อาจสูงได้ถึง 130 ฟุต หรือประมาณ 39.6 เมตร บ่อยนัก จึงไม่แปลกใจทำไมถึงไม่มีใครพบเจอมันจนกลายเป็นสายพันธุ์ที่หายาก

แถมร่างกายของพวกมันยังมีความคล่องแคล่วสูงมาก กระโดดลงจากกิ่งไม้สูง 30 ฟุต (9 เมตร) และสามารถตกลงจากที่สูงได้ถึง 59 ฟุต (ประมาณ 18 เมตร) ได้โดยไม่บาดเจ็บใด ๆ เลย ในขณะที่ศัตรูในธรรมชาติของพวกมันก็คือ งูเหลือม และหมาป่าดิงโกเป็นหลัก

เทคโนโลยีการศึกษาและตรวจจับสัตว์ที่พัฒนาขึ้นมาก

เหล่านักวิจัยกล่าวว่า การใช้โดรนตรวจจับความร้อนช่วยให้มองเห็นสายพันธุ์สัตว์ที่มักซ่อนตัวอยู่ในธรรมชาติได้ง่ายมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ซึ่งในอดีตนั้นนักวิจัยจะต้องลงมือสำรวจจิงโจ้ต้นไม้เหล่านี้จากบนพื้นดิน และอาจต้องใช้วิธีการอื่น ๆ ที่ต่างออกไป เช่น การส่องไฟสปอตไลต์ ส่องไปยังเรือนยอดไม้เพื่อตรวจจับตาสีแดงที่สะท้อนแสงของพวกจิงโจ้ รวมไปถึงการใช้กล้องตรวจจับความร้อนแบบที่ต้องถือด้วยมือ

2 วิธีที่กล่าวมาต้องบอกว่ามีข้อจำกัดอยู่พอสมควรครับ อย่างไฟสปอตไลต์ก็ตรวจจับได้แค่เมื่อจิงโจ้หันหน้าเข้าหาแสงเท่านั้น หรือกล้องตรวจจับความร้อนด้วยมือก็สามารถตรวจจับได้เฉพาะเวลาพวกมันลงมาอยู่บนต้นไม้ต่ำ ๆ เช่นกัน

เรียกว่ายิ่งเทคโนโลยีพัฒนาไปได้ไกลแค่ไหน เราก็สามารถเข้าใจในธรรมชาติได้มากขึ้นด้วยเช่นกันครับเหมือนในเหตุการณ์ครั้งนี้

ที่มา: PetaPixel

'ช่างภาพ' ที่เขียนคอนเทนต์ได้ หาเงินซื้อเปียกให้แมว 3 ตัว ที่บ้าน

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...