การเติบโตของ ChatGPT ยังคงเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ โดยทางบริษัท OpenAI ได้ออกมาเผยว่า AI chatbot ตัวนี้ กำลังจะมีจำนวนผู้ใช้งานแตะหลัก 700 ล้านคน/สัปดาห์ ภายในสัปดาห์นี้ ก่อนหน้านี้ ChatGPT เคยมีจำนวนผู้ใช้ต่อสัปดาห์แตะหลัก 500 ล้านคนมาแล้ว ในช่วงเดือนมีนาคม 2025 ที่ผ่านมา และอิงจากข้อมูลของ นิค เทอร์ลีย์ (Nick Turley) รองประธานและหัวหน้าทีม ChatGPT ยังเผยผ่านแพลตฟอร์ม X
แม้ปัจจุบัน Apple จะยังถือว่าล้าหลังในตลาด AI chatbot แต่บริษัทก็ไม่ได้ปล่อยผ่านวางแผนเตรียมสร้าง chatbot ตัวใหม่ที่สอดคล้องกับปรัชญาของบริษัท ที่ว่า “ไม่ใช่คนแรก แต่ต้องเป็นที่สุด !” จากรายงานของ Bloomberg ระบุว่า Apple ได้จัดทีมใหม่ในชื่อ ‘Answers, Knowledge and Information’ ช่วงต้นปี 2025 ที่ผ่านมา โดยมีหน้าที่พัฒนา AI Chatbot ที่เป็นคู่แข่งของ ChatGPT ในเวอร์ชันที่เรียบง่ายมากกว่า
ในยุคที่ระบบสาธารณสุขเผชิญปัญหาคิวยาวและค่าใช้จ่ายสูงขึ้น ผู้คนจำนวนมากหันไปพึ่งแชตบอต AI อย่าง ChatGPT เพื่อวินิจฉัยอาการป่วยด้วยตนเอง ผลสำรวจล่าสุดเผยว่า 1 ใน 6 ของผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ใช้แชตบอตเพื่อขอคำแนะนำด้านสุขภาพอย่างน้อยเดือนละครั้ง แต่การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจนำมาซึ่งความเสี่ยง ผลการศึกษาจากทีมวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดชี้ว่า ผู้ใช้มักประสบปัญหาในการสื่อสารกับแชตบอต ทำให้ได้คำแนะนำที่ไม่แม่นยำ
แม้ OpenAI จะอยู่ในช่วงทำสงครามด้านฟีเจอร์ระหว่าง ChatGPT กับ Grok AI ของอีลอน มัสก์ (Elon Musk) ที่หนักหน่วงกว่าเดิม เมื่อมีรายงานว่า OpenAI เตรียมจะเปิดแพลตฟอร์มโซเชียลเน็ตเวิร์คที่คล้ายกับ X (Twitter เดิม) เป็นของตัวเอง
ChatGBT ขึ้นแท่นกลายเป็นแอปที่มีคนโหลดเยอะที่สุดในโลก (ไม่รวมเกม) ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แซงหน้าแอปยอดฮิตอย่าง Instagram และ TikTok นับเป็นครั้งแรกที่แอปนี้ขึ้นแท่นแอปที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดประจำเดือน และยังเป็นเดือนที่มียอดดาวน์โหลดสูงที่สุดตั้งแต่มีมาของ ChatGPT อีกด้วย ! สำหรับยอดดาวน์โหลดรวมของ ChatGPT นั้นขึ้นนำหน้า Instagram เล็กน้อยครับใกล้เคียงกันที่ 46 ล้านครั้ง และตามมาด้วย TikTok ที่ 45 ล้านครั้ง ในเดือนมีนาคม 2025 ซึ่งสิ่งที่คาดว่าทำให้ ChatGPT มียอดโหลดพุ่งสูงนำหน้าแอปอื่น
Adobe เตรียมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ AI Chatbot ที่สามารถวิเคราะห์ตัดต่อรูปบนแอป Photoshop ให้เราได้แบบอัตโนมัติ ภาพไหนควรตกแต่งแบบใดก็วิเคราะห์แนะนำให้เรา และแต่งให้เสร็จสรรพในคลิกเดียว โดยเทคโนโลยีนี้มีชื่อว่า ‘agentic AI’ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความยุ่งยากในกระบวนการแก้ไขภาพ โดยตัวมันเองสามารถวิเคราะห์ภาพของเรา และแนะนำการตกแต่งรูปที่เหมาะสมได้ เช่น การตัดต่อตกแต่งท้องฟ้าให้สวยงามมากยิ่งขึ้น, การลบสิ่งรบกวนในภาพอย่างเสาไฟ และสายไฟต่าง ๆ หรือการเบลอฉากหลังเพิ่มให้ภาพดูมีมิติมากกว่าเดิม นอกจาก Photoshop ที่ทาง Adobe ได้วางรากฐานสำหรับฟีเจอร์ AI มาสักพักใหญ่ ๆ
