ปิดตำนานสมาร์ตโฟน/แท็บเล็ตความจุ 16GB ไม่สามารถลง Android 15 ได้

dailygizmoMobile1 month ago27 Views

ดูเหมือนว่ายุคนี้ความจุ  16GB บนสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตแอนดรอยด์จะไม่พอแล้วสำหรับ OS เวอร์ชันใหม่ๆ  แม้ว่า Google จะพยายามบีบอัดระบบปฏิบัติการ Android และแอปให้ใช้พื้นที่น้อยลงสำหรับมือถือรุ่นล่างๆ ที่มีความจุไม่มาก แต่ก็ส่งผลต่อประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ไม่ดีนัก นั่นทำให้ Google จำเป็นต้องเพิ่มความต้องการขั้นต่ำของ Android 15 ให้มากขึ้นกว่าเดิม

Google ได้กำหนดให้อุปกรณ์แอนดรอยด์เริ่มตั้งแต่ Android 15 เป็นต้นไป ต้องมีหน่วยความจำภายในอย่างน้อย 32GB ซึ่งพื้นที่ 75% จะแบ่งให้กับพาร์ติชั่นข้อมูล ประกอบด้วยแอประบบที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า, ข้อมูลแอประบบ, ไฟล์ระบบบางส่วน รวมถึงแอปและไฟล์ของผู้ใช้ทั้งหมด 

เรียกว่าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จากข้อกำหนดของ Android 13 ที่เปิดตัวในปี 2022 การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตที่มีความจุน้อยกว่า 32GB ไม่สามารถอัปเกรดเป็น Android 15 ได้ 

เนื่องจาก Google ไม่สามารถห้ามไม่ให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนที่มีหน่วยความจำน้อยกว่า 32GB ได้ตามกฎหมาย ตราบใดที่สมาร์ตโฟนเหล่านั้นใช้ Android เวอร์ชันโอเพนซอร์ส (AOSP)

แต่สิ่งที่ Google ทำได้คือบังคับใช้ข้อกำหนดนี้กับบริษัทที่ต้องการขายสมาร์ทโฟน Android พร้อมติดตั้ง Google Mobile Services (GMS) เนื่องจากผู้ผลิตต้องได้รับใบอนุญาตก่อน หากไม่มีใบอนุญาต อุปกรณ์นั้นจะไม่สามารถติดตั้งแอป Google อย่าง Google Play Store และ Google Play Services ได้

Google หวังว่าการเพิ่มหน่วยความจำขั้นต่ำเป็น 32GB จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานบนอุปกรณ์ Android รุ่นล่างๆให้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มี ยอดขายสูงสุดทั่วโลก 

เมื่อพื้นที่เพิ่มขึ้นผู้ผลิตและผู้ใช้ก็สามารถติดตั้งแอปได้มากขึ้น แต่ความจุที่เพิ่มขึ้นนั้นไม่ได้หมายความว่าการทำงานจะเร็วขึ้น เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ยังคงใช้ชิปหน่วยความจำ eMMC ที่ช้ากว่า

นอกจากขนาดพื้นที่เก็บข้อมูลขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นแล้ว อุปกรณ์ Android 15 ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใหม่ๆ อื่นๆ เพื่อผ่านการรับรอง GMS ซึ่งส่วนใหญ่จะมีผลกับผู้ผลิตชิปมากกว่า

หนึ่งในนั้นคือ ผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อผู้ใช้ โดย Google ระบุว่าอุปกรณ์ที่มาพร้อม Android 15 หรือใหม่กว่า ในระหว่างการโทรฉุกเฉิน ต้องมีตัวเลือกให้ผู้ใช้สามารถแชร์ข้อมูลผู้ติดต่อฉุกเฉินกับบริการระบุตำแหน่งฉุกเฉินของระบบในระหว่างการโทรฉุกเฉินได้  

ซึ่งฟีเจอร์นี้ช่วยให้บริการฉุกเฉินติดต่อผู้ติดต่อฉุกเฉินได้ง่ายขึ้นเพื่ออัปเดตหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม  Google ยังคงปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ด้วยการกำหนดว่ามีข้อมูลอะไรที่แชร์กับบริการฉุกเฉินบ้าง รวมถึงสามารถบล็อกการแบ่งปันข้อมูลผู้ติดต่อได้ เว้นแต่ผู้ใช้จะเลือกเข้าร่วม

ที่มา androidauthority

นักเขียนสาย Introvert ที่ชื่นชอบเรื่องนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ใช้เวลาว่างกับ มังงะ, เสียงเพลงและ idol

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...