ข่าวสารวิทยาการ ความก้าวหน้าในวงการวิทยาศาสตร์ ที่อัปเดตการใช้ชีวิตของคุณ
ระบบอัตโนมัติในที่ทำงานช่วยลดงานซ้ำซากให้กับมนุษย์ ช่วยให้แรงงานมีเวลามากขึ้น ทำให้สามารถใช้เวลาว่างนั้นในงานที่ต้องใช้การตัดสินใจจากมนุษย์ อย่างไรก็ตามงานวิจัยล่าสุดกลับตั้งคำถามว่า หุ่นยนต์ได้ช่วยให้ชีวิตการทำงานของพนักงานพัฒนาขึ้นอย่างแท้จริงหรือไม่
นักวิทยาศาสตร์พัฒนา ‘E-tattoo’ รอยสักชั่วคราวสำหรับติดบนใบหน้าของพนักงาน เพื่อติดตามความเสี่ยงคนที่มีความเครียดสูงอย่าง นักบินและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เมื่อความเครียดสะสมมากๆ ก็จะเกิดให้ปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ตามมาทั้งการเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจ หลายอาชีพนั้นมีความเครียดสูงระหว่างทำงาน แต่การสังเกตจากภายนอกทำได้ยาก ซึ่งอาจจะต้องประเมินด้วยการทำแบบสอบถามหรือปรึกษาจิตแพทย์ ส่วนการวัดด้วยอุปกรณ์วัดคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) และคลื่นไฟฟ้าการมองตา (EOG) ค่อนข้างยุ่งยาก ต้องติดสายต่างๆ มีขนาดใหญ่ และมีแนวโน้มที่จะวัดค่าผิดพลาด หากผู้ทดสอบเคลื่อนไหวร่างกายมากเกินไป เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ทางนักวิทยาศาตร์จาก University of Texas จึงได้พัฒนา ‘E-tattoo’ รอยสักชั่วคราวที่ติดไว้ตรงหน้าผากเพื่อติดตามสภาพจิตใจของพนักงานได้ เป้าหมายหลักคือ ตัวช่วยถอดรหัสจิตใจแบบเรียลไทม์ที่สามารถส่งคำเตือนให้กับตัวเองและคนรอบข้างได้รู้ เพื่อให้ช่วยเฝ้าระวังหรือแบ่งเบาภาระบางอย่างได้
หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางเทือกเขาแอลป์สวิสอย่าง Mulegns ตอนนี้มีแลนด์มาร์กใหม่ที่น่าทึ่งแล้วนะ นั่นก็คือ "Tor Alva" หรือ หอคอยสีขาวที่สูงที่สุดที่สร้างด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมานี่เอง โดยมูลนิธิวัฒนธรรม Origen ร่วมมือกับ ETH Zurich สร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบว์แดงนี้ขึ้นมา
ใครที่มีปัญหาสายตาไม่ดี เดินในที่มืดแล้วมักจะไม่เห็นทาง ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์จากจีนได้พัฒนาคอนแทคเลนส์ซูเปอร์แมน ใส่แล้วมองที่มืดได้ชัดเจนเหมือนมีกล้อง Night vision ปกติแล้วมนุษย์จะมองเห็นแสงในช่วงสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความยาวคลื่นระหว่าง 400 – 700 นาโนเมตร หากเลยช่วงนี้ไปต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการตรวจจับถึงจะมองเห็น ซึ่งแสงอินฟราเรดนั้นมีความยาวมากกว่า 700 นาโนเมตรจึงทำให้มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ล่าสุดทางนักวิจัยในประเทศจีนได้พัฒนาคอนแทคเลนส์ที่ช่วยให้ผู้ใส่มองเห็นแสงอินฟราเรดได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้สวมใส่มองเห็นในเวลากลางคืนได้ชัดเจนมากขึ้นเหมือนมีกล้อง Night vision วิธีการก็คือ นักวิทยาศาสตร์ทำการฝังอนุภาคนาโนเข้าไปในคอนแทคเลนส์แบบนิ่มซึ่งมีขายทั่วไป อนุภาคเหล่านี้จะเปลี่ยนแสงอินฟราเรดให้กลายเป็นแสงที่ดวงตาสามารถมองเห็นได้ เมื่อนำไปทดสอบกับหนูทดลอง โดยให้หนูเลือกระหว่างพื้นที่มืดและพื้นที่ที่มีแสงอินฟราเรด ผลพบว่าหนูตัวที่สวมเลนส์จะเลือกพื้นที่ฝั่งมืดอย่างชัดเจน นั่นหมายความว่ามันสามารถตรวจจับแสงที่มองไม่เห็นได้ เนื่องจากรูม่านตาของหนูยังตอบสนองต่อแสงอินฟราเรดด ยืนยันด้วยการสแกนสมองก็พบกิจกรรมในสมองส่วนคอร์เทกซ์ที่ส่งผลต่อการมองเห็น ในการทดสอบกับคนพบว่า เมื่อใส่คอนแทคเลนส์
ปกติแล้วเราจะคิดว่าตะกั่วก็คือตะกั่ว ทองก็คือทอง มันเปลี่ยนกันไม่ได้หรอก แต่ในโลกของฟิสิกส์นิวเคลียร์มันก็เป็นไปได้ ! นักวิทยาศาสตร์ของทีม ALICE ค้นพบว่าเวลาที่เราเอา นิวเคลียสของตะกั่วมาวิ่งชนกันในเครื่อง LHC โดยเป็นการชนกันด้วยความเร็วสูงมาก ๆ มันจะเกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่แรงสุด ๆ จนสามารถเตะโปรตอนออกไปจากนิวเคลียสของตะกั่วได้ และเมื่อตะกั่ว (ที่มี 82 โปรตอน) เสียโปรตอนไป 3 ตัว มันก็จะกลายเป็นทองคำ (ที่มี 79 โปรตอน) นั่นเอง
เรื่องความช่างพูดระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายเป็นประเด็นที่อยู่ในสังคมทุกยุคทุกสมัย ซึ่งผลงานวิจัยระบุว่าผู้หญิงมีความช่างพูดมากกว่าผู้ชายจริงโดยเฉพาะในช่วงวัยกลางคน
รายงานล่าสุดจาก NASA ที่ได้สร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง โดยพวกเขาสามารถเปิดใช้งานเครื่องยนต์ไอพ่นของยานสำรวจ Voyager 1 ที่หมดสภาพไปตั้งแต่ปี 2004 เนื่องจากไม่สามารถเปิดใช้งานฮีตเตอร์ที่ตัวไอพ่น ให้สามารถกลับมาทำงานได้สำเร็จอีกครั้ง เหตุผลหลัก ๆ ในการกู้ชีพเครื่องยนต์ไอพ่นนี้คือทีมงานต้องการมีระบบขับเคลื่อนสำรองไว้ใช้งานต่อ เนื่องจากเครื่องยนต์ไอพ่นชุดปัจจุบันกำลังเผชิญปัญหาท่อส่งเชื้อเพลิงอุดตัน ซึ่งอาจทำให้มันไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปภายในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งอีกหนึ่งความท้าทายคือต้องซ่อมให้เสร็จก่อนที่เสาส่งสัญญาณวิทยุที่ใช้ติดต่อกับยาน Voyager 1 และ 2 จะต้องหยุดทำงานนานหลายเดือนเพื่อทำการอัปเกรดครั้งใหญ่ (เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2568 ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2569)
แม้จะฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่เทคโนโลยีนี้มาจากห้องทดลองในรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2018 ศาสตราจารย์หลียงบิง หู (Liangbing Hu) นักวิทยาศาสตร์วัสดุจากมหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ได้คิดค้นวิธีเปลี่ยนไม้ธรรมดาให้กลายเป็นวัสดุที่แข็งแรงกว่าเหล็ก แม้ช่วงแรกจะดูเหมือนแค่การค้นพบที่น่าสนใจแต่ไม่เกิดขึ้นจริงในเชิงพาณิชย์
วันพุธที่ 14 พฤษภาคม 2568 จีนประกาศจะเพิ่มการสนับสนุนการเงินจากธนาคารให้กับธุรกิจที่เกี่ยวกับนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเป็นกลยุทธ์เพื่อให้ตอบรับเป้าหมายที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศในช่วงที่มีความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี หอดูดาวแห่งแรกใน มิวนิก, เยอรมนี ทาง NASA และพันธมิตรจึงร่วมมือกันสร้างภาพ “Cosmic Cliffs” ซึ่งเป็นภาพที่อันโด่งดังของกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) โดยครั้งนี้นำเสนอในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อให้ศึกษาได้อย่างลึกซึ่งยิ่งขึ้น ! สำหรับภาพสุดน่าทึ่งใบนี้เป็นภาพของเนบิวลากระดูกงูเรือ (Carina Nebula) ในอีกชื่อเล่นว่า ‘Cosmic Cliffs’ หรือหน้าผาจักรวาล ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดดาวฤกษ์ดวงใหม่ ๆ ที่เต็มไปด้วยกลุ่มก๊าซ และฝุ่นละออง
