
เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาในงาน Apple Event ก็มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์หลายชิ้นทั้ง iPhone 17 Series, iPhone Air, AirPods Pro 3 จนไปถึง Apple Watch ซึ่งความพิเศษที่ถูกพูดถึงระหว่างการเปิดตัว Apple Watch Series 11 – Ultra 3 คือมีการเปลี่ยนกรรมวิธีผลิตตัวเรือนไทเทเนียมใหม่ด้วยวิธี 3D Printing

ความพิเศษของกระบวนการใหม่นี้ คือ การเปลี่ยนจากการผลิตแบบเดิมที่ต้อง “กัด” หรือ “เจาะ” โลหะก้อนใหญ่ทิ้งไป (Subtractive) มาเป็นการ “พิมพ์” (Additive) ชิ้นงานขึ้นมาทีละชั้น ทำให้ได้รูปทรงที่แม่นยำเกือบสมบูรณ์ทันที โดย Apple ได้นำมาใช้ผลิตตัวเรือนของ Apple Watch Ultra 3 และ Apple Watch Series 11 ตัวเรือนไทเทียม




สิ่งที่น่าสนใจของวิธีการผลิตตัวเรือน Apple Watch ตัวเรือนไทเทเนียมก็คือใช้วัสดุ “ผงไทเทเนียมเกรดอากาศยานรีไซเคิล 100%” และการเปลี่ยนมาใช้วิธีพิมพ์ 3 มิติ ทำให้ Apple ใช้วัตถุไทเทเนียมดิบน้อยลงถึงครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และคาดว่าจะลดการใช้ไทเทเนียมดิบได้มากกว่า 400 เมตริกตัน ภายในปีนี้เพียงปีเดียว เมื่อรวมกับการที่โรงงานผลิตใช้พลังงานหมุนเวียน 100% นี่จึงเป็นก้าวสำคัญสู่เป้าหมาย “Apple 2030” ที่มุ่งสู่การเป็นกลางทางคาร์บอน

ทาง Apple ได้บอกว่า ใช้เวลาหลายปีในการวิจัยและพัฒนา “สูตร” ที่สมบูรณ์แบบ ตั้งแต่ส่วนผสมของโลหะอัลลอยไปจนถึงการปรับจูนเครื่องพิมพ์ เพื่อให้มั่นใจว่าเทคโนโลยีนี้สามารถขึ้นรูปตัวเรือนไทเทเนียมได้ โดยที่ยังคงความแข็งแกร่งทนทาน และดีไซน์ที่สวยงามตามมาตรฐานที่เข้มงวดของ Apple

ซึ่งกรรมวิธีนี้ไม่ได้ใช้แค่ผลิต Apple Watch Series 11 วัสดุไทเทียม และ Apple Watch Ultra 3 เท่านั้น แต่ยังไปใช้กับการผลิตพอร์ต USB-C ใน iPhone Air รุ่นใหม่ด้วย ทำให้พอร์ตมีความบางเฉียบ แต่ยังคงความแข็งแรงทนทาน





