
สมาชิกสภานิติบัญญัติ EU ออกกฎหมายใหม่ ระบุให้แพลตฟอร์มรายใหญ่อย่าง Meta และ TikTok ต้องรับผิดชอบต่อการฉ้อโกงทางการเงิน
ตอนนี้โซเชียลมีเดียเต็มไปด้วยกลโกงทางการเงิน ทำให้สมาชิกรัฐสภา EU ถูกกดดันอย่างหนัก เพื่อให้ทั้งบริษัทเทคโนโลยีและธนาคารรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ฉ้อโกง
กฎหมายใหม่นี้ต่อยอดจากพระราชบัญญัติบริการดิจิทัล (DSA) และพระราชบัญญัติตลาดดิจิทัล (DMA) ซึ่งจำกัดการแพร่กระจายเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย และป้องกันไม่ให้แพลตฟอร์มขนาดใหญ่อย่าง Google, Amazon และ Meta ขยายอำนาจเกินขอบเขต ซึ่งการละเมิดกฎเหล่านี้จะมีค่าปรับมหาศาล แน่นอนว่ากฎหมายทั้งสองฉบับนี้ต่างก็สร้างความขัดแย้งกับบริษัทเทคโนโลยี รวมถึงฝ่ายการเมืองของสหรัฐฯ
หลังจากที่รัฐสภาและคณะมนตรีใช้เวลาพิจารณากฎใหม่ใหม่เป็นเวลากว่า 8 ชั่วโมง เพื่อเสริมมาตรการป้องกันการฉ้อโกงการชำระเงิน ทางรัฐบาลสหภาพยุโรปเชื่อว่า ธนาคารต้อมีส่วนรับผิดชอบหากมาตรการป้องกันของตนไม่เพียงพอ
สมาชิกสภานิติบัญญัติเห็นพ้องว่าธนาคารควรชดเชยให้ผู้เสียหาย หากผู้หลอกลวงแอบอ้างเป็นธนาคารหรือทำธุรกรรมโดยไม่ได้รับความยินยอม ในขณะที่บริษัทโซเชียลมีเดียจะต้องชดเชยธนาคาร หากไม่สามารถลบการหลอกลวงที่มีรายงานแจ้งเข้ามาได้
นอกจากนั้น สมาชิกสภายุโรปบางคนเรียกร้องให้ยกระดับมาตรการให้เข้มงวดขึ้น เนื่องจากกังวลว่า มาตรการป้องกันผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มโซเชียลยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเมื่อ AI และเทคนิควิศวกรรมสังคม เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการหลอกลวงเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
แน่นอนว่ากฎหมายใหม่นี้จะเพิ่มความเสี่ยงด้านกฎระเบียบอีกขั้นสำหรับบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติอเมริกัน หลังจากที่ข้อตกลงนี้ประกาศออกมาก็สร้างเสียงวิจารณ์ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
เลโอนาร์โด เวเนเซียนี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายยุโรปของ CCIA ตัวแทน Amazon, Google, Meta และ Apple กล่าวว่า
“กรอบการทำงานที่ซับซ้อนนี้ไม่เพียงขัดขวางความพยายามในการทำให้กระบวนการง่ายขึ้น แต่ยังขัดกับหลักการตรวจสอบของ DSA โดยละเลยงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบด้านลบ แทนที่จะคุ้มครองผู้บริโภค ผลลัพธ์ที่ออกมากลับสร้างมาตรฐานที่น่ากังวล และผลักภาระความรับผิดชอบออกจากผู้ที่เป็นต้นเหตุของปัญหา”
ที่มา politico





