บทสรุป Workplace Evolution – People and Space วิวัฒนาการที่ทำงานสู่การสนับสนุนพนักงานให้ดีขึ้น

THE SUMMARY:

โลกของการทำงานเปลี่ยนไปเยอะหลังการแพร่ระบาดครั้งใหญ่นะครับ ซึ่ง Workplace หรือสถานที่ทำงานก็เป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงเยอะเช่นกัน ตั้งแต่การบังคับให้ Work from Home ในช่วง Covid-19 ที่กลายมาเป็นการทำงานแบบ Hybrid ในเวลาต่อมา และปัจจุบันหลายบริษัทก็กลับมาเป็นเข้าออฟฟิศ 100% เหมือนเดิมแล้ว ทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ JLL ประเทศไทย (Jones Lang LaSalle) ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของโลก จึงจัดงาน “Workplace Evolution – People and Space” รวบรวมผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากหลายบริษัท มาร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับการวิวัฒนาการของพื้นที่ทำงานและบทบาทของมนุษย์ในบริบทที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกปัจจุบันและอนาคต โดยมีดร. วิทย์ สิทธิเวคิน เป็นผู้ดำเนินการเสวนา

เพราะที่ทำงานสำคัญต่องานมากกว่าที่คิด

ในอดีตพื้นที่ทำงานอาจเป็นเพียงสถานที่สำหรับทำงาน แต่ปัจจุบันมีมิติที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะพื้นที่ที่มนุษย์เข้ามามีปฏิสัมพันธ์กัน ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โลกได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายมากมายที่ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนนิยามของ “Work Evolution” ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาพิจารณา ได้แก่:

  • New Hybrid Era: การทำงานที่ผสมผสานระหว่าง Work from Home และการเข้าออฟฟิศ
  • การดึงดูดและรักษา Top Talent: สถานที่ทำงานที่เหมาะสมมีความเกี่ยวข้องกับการรักษาคนเก่งขององค์กร
  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI): AI เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก ทำให้ต้องพิจารณารูปแบบของสถานที่ทำงานที่ควรเปลี่ยนไป
  • ความยั่งยืน (Sustainability) และสุขภาวะ (Wellness): เทรนด์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการออกแบบออฟฟิศ
  • ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (Diversity, Equality, Inclusivity – DEI): สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการออกแบบพื้นที่ทำงานอย่างมาก
  • Future Proofing Workplace: แนวคิดการออกแบบพื้นที่ทำงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
กฤช ปิ่มหทัยวุฒิ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุน เจแอลแอล ประเทศไทย

คุณกฤช ปิ่มหทัยวุฒิ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าหน่วยธุรกิจบริการด้านการลงทุน เจแอลแอล ประเทศไทย เน้นย้ำว่าตลอด 35 ปีที่ JLL ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสถานที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านรูปแบบการใช้พื้นที่ เทคโนโลยี และแนวคิดการทำงาน ปัจจุบัน สถานที่ทำงานไม่เพียงเป็นแค่ที่ทำงาน แต่ยังเป็น “จุดศูนย์กลางในการเสริมศักยภาพ ส่งเสริมการสร้างสรรค์ และเพิ่มคุณค่าให้พนักงานทุกคน” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ขององค์กร

คุณธนานันต์ เรืองวีรวิชญ์ หัวหน้าแผนกบริการตัวแทนด้านการเช่า เจแอลแอล ประเทศไทย เสริมว่าใน 4-5 ปีที่ผ่านมา โลกเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น การแข่งขันสูงขึ้น และการทำงานก็ต้องใช้ทุกกลยุทธ์เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ รวมถึงการหา Talent Workplace สามารถถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขโจทย์ใหม่ ๆ เช่น การสนับสนุนการสรรหาและการรักษา Talent, เป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกถึง Brand Expression, และการขับเคลื่อน Digital Transformation Workplace ที่ดีต้องสามารถ “Transform” ธุรกิจได้ ไม่ใช่แค่ “Support” การดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน ตัวอย่างเช่น บริษัทเทคที่ใช้พื้นที่เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดเวลา หรือการจัดอาหารกลางวันเพื่อลดอัตราการลาออกของพนักงาน

โดยภายในงานนี้ได้รับเกียรติผู้บริหารจากวงการต่าง ๆ มาแชร์ Workplace ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ

  • วงการกฎหมาย: คุณสรชน บุญสอง: Partner, Baker McKenzie
  • วงการเทคโนโลยี: คุณวสุพล ธารกกาญจน์: Chief Operating Officer, Microsoft
  • วงการพลังงาน: คุณอรอุทัย ณ เชียงใหม่: Country Chair, Shell

ความท้าทายและเทรนด์ที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง

ปัจจุบันมีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดการวิวัฒนาการของพื้นที่ทำงาน:

  • ยุคไฮบริดใหม่ (New Hybrid Era): หลังจากการระบาดของโควิด-19 แนวคิด Work from Home และ Work from Anywhere ได้ถูกฝึกฝังให้ทุกคนทำได้ ทำให้องค์กรต้องพิจารณาว่าผู้คนจะเข้ามาในออฟฟิศด้วยจุดประสงค์ใด
  • การดึงดูดและรักษาบุคลากรมากความสามารถ (Attracting and Retaining Top Talent): สถานที่ทำงานที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของบุคลากรเก่งๆ กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดและรักษาพวกเขาไว้ โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Z ที่ให้คุณค่ากับบางสิ่งเป็นพิเศษ
  • ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี (Technology): AI ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันอย่างมาก และจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนวิธีการทำงานในอนาคต
  • ความยั่งยืน (Sustainability) และสุขภาวะ (Wellness): เทรนด์ความยั่งยืนและสุขภาวะส่งผลกระทบต่อการออกแบบออฟฟิศอย่างมาก
  • ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (Diversity, Equity, and Inclusion – DEI): แนวคิดนี้ส่งผลกระทบต่อการออกแบบและการทำงานในพื้นที่ทำงาน

การปรับตัวของพื้นที่ทำงานในปัจจุบัน

เพื่อตอบรับกับเทรนด์และความท้าทายเหล่านี้ พื้นที่ทำงานถูกออกแบบและปรับปรุงให้มีมิติที่หลากหลายมากขึ้น:

  • ส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และการทำงานร่วมกัน (Human Collaboration): ออฟฟิศถูกมองว่าเป็น “Community” และ “Area of Collaboration” ที่ผู้คนมาเพื่อมีปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกัน มีการสร้างพื้นที่ส่วนกลางสำหรับพูดคุย สังสรรค์ หรือแม้กระทั่งจัดกิจกรรมต่างๆ เช่น โยคะ หรือการนวด
  • สะท้อนวัฒนธรรมองค์กรและค่านิยม (Corporate Culture and Values): การออกแบบพื้นที่สามารถสะท้อนอัตลักษณ์และความเป็นตัวตนขององค์กรได้ เช่น ห้องสมุดที่แสดงถึงความเป็น “หนอนหนังสือ” ของทนายความ หรือการจัดแสดงสัญลักษณ์ขององค์กรที่สร้างขึ้นจากมือของพนักงาน
  • ดูแลสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being): การออกแบบที่คำนึงถึงสุขภาพกายและใจของพนักงาน ซึ่งรวมถึง:
    • คุณภาพอากาศ: การใช้ระบบกรองอากาศที่ตรวจจับและปรับปรุงคุณภาพอากาศในอาคาร
    • พื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น: โต๊ะทำงานที่สามารถปรับนั่งหรือยืนได้ เพื่อส่งเสริมสุขภาพที่ดี
    • สิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสุขภาพ: เช่น ห้องออกกำลังกาย คลินิก หรือห้องสำหรับพักผ่อน
    • การเชื่อมโยงกับธรรมชาติ: การนำต้นไม้จริงเข้ามาใช้ในการตกแต่ง เพื่อช่วยลดความเครียด
  • ผสานเทคโนโลยี (Integrated Technology): เทคโนโลยีไม่ได้จำกัดอยู่แค่ฮาร์ดแวร์ แต่เน้นซอฟต์แวร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการประชุมและการทำงานร่วมกัน เช่น:
    • AI Facilitator: ระบบ AI ที่ช่วยจัดการการประชุม แจ้งเตือนเวลา หรือจดบันทึกย่อ
    • Content Camera: กล้องเฉพาะที่จับภาพกระดานไวท์บอร์ด โดยแยกภาพคนเขียนออก เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมออนไลน์เห็นเนื้อหาชัดเจน
  • รองรับความหลากหลายและเท่าเทียม (Diversity, Equity, and Inclusion – DEI): การออกแบบพื้นที่ให้เหมาะสมกับความต้องการของพนักงานที่หลากหลาย เช่น ห้องละหมาด ห้องให้นมบุตร หรือทางเดินสำหรับผู้พิการทางสายตา/ผู้ใช้รถเข็น
  • พื้นที่อเนกประสงค์และความยืดหยุ่น (Multipurpose and Flexibility): การออกแบบที่ใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เคลื่อนย้ายได้ง่าย หรือพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลาย เช่น จากพื้นที่ดื่มกาแฟในตอนเช้า กลายเป็นพื้นที่รับแขก จัดโยคะ นวด หรือ Town Hall ได้

อนาคตของพื้นที่ทำงาน

ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า แนวโน้มของพื้นที่ทำงานจะยังคงพัฒนาต่อไป:

  • AI จะเข้ามามีบทบาทในระดับที่ซับซ้อนขึ้น: อาจถึงขั้นมีแนวคิด “Manager of AI Agent” และ “Human to Agent Ratio” ซึ่ง AI Agent จะทำงานเฉพาะทาง ทำให้มนุษย์สามารถเป็นผู้จัดการและเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานได้
  • Human Collaboration ยังคงสำคัญยิ่ง: แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด แต่ปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ ความสามัคคี และมิตรภาพยังคงเป็นหัวใจสำคัญ
  • ความยั่งยืน (Sustainability) เป็นแกนหลัก: จะมีการดูแลเรื่องการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการใช้พลังงานทางเลือก เช่น Solar Panel และอาจมีการรับรองมาตรฐานความยั่งยืนในระดับ Workplace
  • ความยืดหยุ่นและการเตรียมพร้อมสำหรับความไม่แน่นอน: การออกแบบพื้นที่และนโยบายที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย (Flexibility) จะเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แนวคิดของ “Satellite Offices” ที่อยู่ใกล้บ้านพนักงานเพื่อลดการเดินทางและ Carbon Footprint ก็อาจเป็นที่นิยมมากขึ้น
  • Well-being ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ: การดูแลสุขภาวะของพนักงานจะเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่บุคลากรรุ่นใหม่ใช้ในการตัดสินใจเลือกงาน

โดยสรุปแล้ว Workplace ไม่ใช่เพียงแค่ที่ทำงาน แต่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่สามารถ พลิกโฉม (transform) องค์กรได้ ไม่ใช่แค่ สนับสนุน (support) เท่านั้น ด้วยการผสานเทคโนโลยี, ความหลากหลายของคนแต่ละรุ่น, ความยั่งยืน, สุขภาวะ และ DEI เข้าด้วยกัน ทำให้พื้นที่ทำงานในปัจจุบันและอนาคตมีความซับซ้อนและมีนัยยะสำคัญมากกว่าที่เราคิด

บรรณาธิการ CEEi ดูแลเนื้อหาด้านเทคโนโลยี Gadget ทุกประเภท

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...