หนึ่งในคำถามที่มีมาตลอดตั้งแต่มนุษย์เริ่มใช้ AI มากขึ้นคือ การพึ่งพา AI มากเกินไปจะทำให้มนุษย์ “โง่ลง” หรือไม่? บทความนี้เรียบเรียงเนื้อหาจากคลิป “ใช้เอไอยังไงให้ไม่โง่ลง” โดยนู๋เนย – สิทธิพล พรรณวิไล จะพาไปสำรวจแนวคิดและวิธีการใช้ AI อย่างชาญฉลาด ให้ยังทำงานได้เร็วขึ้น แต่ก็ยังเก่งขึ้นและมีอนาคตที่สดใสรออยู่
ก่อนอื่นต้องปรับมุมมองเกี่ยวกับ “ผลลัพธ์” ของการทำงานเสียใหม่ หลายคนอาจคิดว่าเมื่องานเสร็จสิ้น ผลลัพธ์ก็คือชิ้นงานที่จับต้องได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีผลลัพธ์อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือ การเติบโตทางสติปัญญาและทักษะของผู้สร้างสรรค์งานชิ้นนั้น
กระบวนการคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และลงมือทำด้วยตัวเอง คือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นคนที่มีความสามารถมากขึ้น การทำงานแต่ละชิ้นจึงเปรียบเสมือนการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น นี่คือแก่นแท้ของการพัฒนาตนเอง
ความน่ากังวลของการใช้ AI อย่างผิดวิธีอยู่ตรงนี้เอง หากเรามองเพียงแค่การสร้าง “ชิ้นงาน” ให้เสร็จเร็วที่สุด โดยละเลยกระบวนการเรียนรู้ เรากำลังแลกการเติบโตในระยะยาวกับความสะดวกสบายเพียงชั่วครู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่ออนาคตอย่างยิ่ง
ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจาก AI นั้นเป็นเรื่องจริง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับ “วิธี” ที่เราเลือกใช้มันโดยสิ้นเชิง
ลองเปรียบเทียบเรื่องนี้กับการออกกำลังกาย ในอดีตมนุษย์ใช้ร่างกายในการเดินทางและทำงาน ทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ แต่เมื่อมีรถยนต์และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้ามา เราเคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง จนสุดท้ายเราต้อง “ตั้งใจ” จัดเวลาไปเข้ายิมเพื่อชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป
AI ก็มีผลกระทบต่อ “สมอง” ในลักษณะเดียวกัน มันคือเครื่องอำนวยความสะดวกทางความคิดที่อาจทำให้สมองของเราอ่อนแอลงหากไม่ระวัง คำถามคือ เราได้เตรียม “โรงยิมสำหรับสมอง” ของเราแล้วหรือยัง? เรามีแผนที่จะฝึกฝนการคิดวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ความสามารถของเราถดถอยไปตามกาลเวลาหรือไม่?
อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจคือ การใช้ AI เพื่อ “ซื้อเวลา” อย่างชาญฉลาด สมมติว่าคุณต้องทำงานที่ไม่ตรงกับเป้าหมายในอนาคตของคุณ การใช้ AI เพื่อทำงานนั้นให้เสร็จเร็วที่สุดอาจเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง หากคุณนำเวลาที่ประหยัดได้ ไปใช้พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่ออนาคตของคุณจริงๆ
ในกรณีนี้ แม้คุณจะไม่ได้เรียนรู้จากงานตรงหน้า แต่คุณได้ “เวลา” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด กลับคืนมาเพื่อลงทุนกับการเติบโตในด้านอื่นที่สำคัญกว่า นี่ไม่ใช่การ “โง่ลง” แต่เป็นการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด
ท้ายที่สุดแล้ว AI ไม่ได้ทำให้คนเก่งขึ้นหรือโง่ลงโดยตัวของมันเอง แต่มันเป็นเพียง “กระจกสะท้อน” วินัยและมุมมองของเราต่างหาก คนที่รักการเรียนรู้จะใช้มันเป็นเครื่องมือเร่งการเติบโต ส่วนคน ที่โหยหาความสะดวกสบายก็จะปล่อยให้มันกลืนกินศักยภาพของตนเองไป
ดังนั้น ก่อนจะใช้ AI ในครั้งต่อไป ลองถามตัวเองด้วยคำถามสำคัญเพียงข้อเดียว: “สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่นี้ ทำให้ฉันเก่งขึ้นในแบบที่จะสร้างอนาคตที่ดีให้ตัวเองได้หรือไม่?”
คำตอบของคำถามนี้ จะเป็นตัวกำหนดว่า AI จะเป็นเครื่องมือที่พาคุณไปสู่อนาคตที่สดใส หรือเป็นกับดักที่ทำให้คุณหยุดอยู่กับที่ตลอดไป