ใช้ AI อย่างไรไม่ให้โง่ลง ? แนวคิดเปลี่ยนเครื่องมือให้เป็นครูสู่อนาคตที่สดใส

THE SUMMARY:

หนึ่งในคำถามที่มีมาตลอดตั้งแต่มนุษย์เริ่มใช้ AI มากขึ้นคือ การพึ่งพา AI มากเกินไปจะทำให้มนุษย์ “โง่ลง” หรือไม่? บทความนี้เรียบเรียงเนื้อหาจากคลิป “ใช้เอไอยังไงให้ไม่โง่ลง” โดยนู๋เนย – สิทธิพล พรรณวิไล จะพาไปสำรวจแนวคิดและวิธีการใช้ AI อย่างชาญฉลาด ให้ยังทำงานได้เร็วขึ้น แต่ก็ยังเก่งขึ้นและมีอนาคตที่สดใสรออยู่

ผลลัพธ์ที่แท้จริงของงาน: ไม่ใช่แค่ “ชิ้นงาน” แต่คือ “ตัวเรา”

ก่อนอื่นต้องปรับมุมมองเกี่ยวกับ “ผลลัพธ์” ของการทำงานเสียใหม่ หลายคนอาจคิดว่าเมื่องานเสร็จสิ้น ผลลัพธ์ก็คือชิ้นงานที่จับต้องได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีผลลัพธ์อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญยิ่งกว่า นั่นคือ การเติบโตทางสติปัญญาและทักษะของผู้สร้างสรรค์งานชิ้นนั้น

กระบวนการคิด วิเคราะห์ แก้ปัญหา และลงมือทำด้วยตัวเอง คือสิ่งที่หล่อหลอมให้เราเป็นคนที่มีความสามารถมากขึ้น การทำงานแต่ละชิ้นจึงเปรียบเสมือนการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น นี่คือแก่นแท้ของการพัฒนาตนเอง

ความน่ากังวลของการใช้ AI อย่างผิดวิธีอยู่ตรงนี้เอง หากเรามองเพียงแค่การสร้าง “ชิ้นงาน” ให้เสร็จเร็วที่สุด โดยละเลยกระบวนการเรียนรู้ เรากำลังแลกการเติบโตในระยะยาวกับความสะดวกสบายเพียงชั่วครู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่ออนาคตอย่างยิ่ง

ทางสองแพร่งของการใช้ AI: ระหว่าง “ครูผู้ช่วย” กับ “ทาสรับใช้”

ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นจาก AI นั้นเป็นเรื่องจริง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายจะดีหรือร้าย ขึ้นอยู่กับ “วิธี” ที่เราเลือกใช้มันโดยสิ้นเชิง

  1. เส้นทางสู่ความถดถอย: ใช้ AI แบบ “ทาสรับใช้” หากเราใช้ AI เพียงเพื่อสั่งให้มัน “สร้าง” ผลลัพธ์ออกมา แล้วนำไปส่งต่อทันทีโดยไม่ทำความเข้าใจ เช่น นักเรียนที่โยนโจทย์การบ้านให้ AI แล้วคัดลอกคำตอบมาส่งครู สิ่งที่ได้อาจจะเป็นงานที่เสร็จสมบูรณ์ แต่ผู้ทำจะไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย นี่คือการใช้ AI ที่จะทำให้ทักษะและความคิดของเราฝ่อลงอย่างแน่นอน
  2. เส้นทางสู่อนาคตที่สดใส: ใช้ AI แบบ “คุณครูส่วนตัว” ในทางกลับกัน เราสามารถเปลี่ยน AI ให้กลายเป็นเครื่องมือช่วยสอนที่ทรงพลังได้ เมื่อ AI สร้างผลงานขึ้นมา เราควรใช้เวลาศึกษาทำความเข้าใจว่า “มันทำงานอย่างไร?” “แนวคิดเบื้องหลังคืออะไร?” หากไม่เข้าใจ ก็ให้ AI ช่วยอธิบายเพิ่มเติมจนกว่าจะกระจ่างเมื่อเราเข้าใจหลักการอย่างถ่องแท้แล้ว เราจึงค่อยมอบหมายให้ AI ช่วยทำงานในส่วนที่ซ้ำซากจำเจ วิธีนี้ไม่เพียงทำให้งานเสร็จเร็วขึ้น แต่ยังทำให้เรา “เก่งขึ้น” อีกด้วย เพราะเราได้เรียนรู้แนวคิดใหม่ๆ และปล่อยให้เครื่องมือจัดการกับสิ่งที่น่าเบื่อแทน นี่คือการใช้งานที่ชาญฉลาดและสร้างอนาคต

สมองก็ต้องการ “โรงยิม” เหมือนร่างกาย

ลองเปรียบเทียบเรื่องนี้กับการออกกำลังกาย ในอดีตมนุษย์ใช้ร่างกายในการเดินทางและทำงาน ทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ แต่เมื่อมีรถยนต์และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ เข้ามา เราเคลื่อนไหวน้อยลง ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง จนสุดท้ายเราต้อง “ตั้งใจ” จัดเวลาไปเข้ายิมเพื่อชดเชยสิ่งที่ขาดหายไป

AI ก็มีผลกระทบต่อ “สมอง” ในลักษณะเดียวกัน มันคือเครื่องอำนวยความสะดวกทางความคิดที่อาจทำให้สมองของเราอ่อนแอลงหากไม่ระวัง คำถามคือ เราได้เตรียม “โรงยิมสำหรับสมอง” ของเราแล้วหรือยัง? เรามีแผนที่จะฝึกฝนการคิดวิเคราะห์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้ความสามารถของเราถดถอยไปตามกาลเวลาหรือไม่?

กลยุทธ์การใช้เวลา: แลกความเร็วเพื่อการเติบโตที่ถูกทิศทาง

อีกหนึ่งมุมมองที่น่าสนใจคือ การใช้ AI เพื่อ “ซื้อเวลา” อย่างชาญฉลาด สมมติว่าคุณต้องทำงานที่ไม่ตรงกับเป้าหมายในอนาคตของคุณ การใช้ AI เพื่อทำงานนั้นให้เสร็จเร็วที่สุดอาจเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง หากคุณนำเวลาที่ประหยัดได้ ไปใช้พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่ออนาคตของคุณจริงๆ

ในกรณีนี้ แม้คุณจะไม่ได้เรียนรู้จากงานตรงหน้า แต่คุณได้ “เวลา” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด กลับคืนมาเพื่อลงทุนกับการเติบโตในด้านอื่นที่สำคัญกว่า นี่ไม่ใช่การ “โง่ลง” แต่เป็นการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด

ท้ายที่สุดแล้ว AI ไม่ได้ทำให้คนเก่งขึ้นหรือโง่ลงโดยตัวของมันเอง แต่มันเป็นเพียง “กระจกสะท้อน” วินัยและมุมมองของเราต่างหาก คนที่รักการเรียนรู้จะใช้มันเป็นเครื่องมือเร่งการเติบโต ส่วนคน ที่โหยหาความสะดวกสบายก็จะปล่อยให้มันกลืนกินศักยภาพของตนเองไป

ดังนั้น ก่อนจะใช้ AI ในครั้งต่อไป ลองถามตัวเองด้วยคำถามสำคัญเพียงข้อเดียว: “สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่นี้ ทำให้ฉันเก่งขึ้นในแบบที่จะสร้างอนาคตที่ดีให้ตัวเองได้หรือไม่?”

คำตอบของคำถามนี้ จะเป็นตัวกำหนดว่า AI จะเป็นเครื่องมือที่พาคุณไปสู่อนาคตที่สดใส หรือเป็นกับดักที่ทำให้คุณหยุดอยู่กับที่ตลอดไป

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...