FINNIX ฉลอง 5 ปี เผยข้อมูลอินไซต์ ‘นักสู้ชีวิต’ กู้เงินทำกิน มั่นใจใช้ AI อนุมัติสินเชื่อไวสุดใน 5 วินาที

แอปพลิเคชันสินเชื่อฟินนิกซ์ (FINNIX) ในเครือเอสซีบีเอกซ์ ครบรอบ 5 ปีของการดำเนินงาน พร้อมเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการกู้ยืมเงินของคนไทยในกลุ่มนาโนไฟแนนซ์ โดยตอกย้ำถึงความสำคัญของสินเชื่อประเภทนี้ต่อระบบเศรษฐกิจ และได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “เคียงคู่นักสู้ชีวิต” ควบคู่ไปกับการเปิดตัวฟีเจอร์ AI อนุมัติสินเชื่อไวสุดใน 5 วินาที

ภาพรวมตลาดนาโนไฟแนนซ์และความสำคัญ

ตลาดสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ในประเทศไทยแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความต้องการที่ชัดเจน มูลค่าสินเชื่อคงค้างรวมได้เติบโตจากเกือบ 60,000 ล้านบาทในปี 2567 สู่ระดับ 66,000 ล้านบาทในไตรมาสแรกของปี 2568 ขณะที่จำนวนบัญชีสินเชื่อเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 ล้านบัญชีในช่วงเวลาเดียวกัน ฟินนิกซ์ระบุว่ากลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้มีรายได้น้อย (ต่ำกว่า 15,000 – 20,000 บาทต่อเดือน) และผู้มีอาชีพอิสระ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มักเข้าไม่ถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ โดยบริษัทมองว่าคู่แข่งที่แท้จริงคือหนี้นอกระบบ และมุ่งมั่นที่จะเป็นทางเลือกที่ถูกกฎหมายสำหรับคนกลุ่มนี้

อินไซต์ 5 ปีของ FINNIX: พฤติกรรมการกู้ยืมของ “นักสู้ชีวิต”

จากข้อมูลผู้ใช้งานตลอด 5 ปี ฟินนิกซ์ได้สรุปพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า “คนทำมาหากิน” ที่น่าสนใจไว้ดังนี้:

• ข้อมูลประชากร: ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Y (67%) และเป็นเพศหญิง (64%) โดย 58% ประกอบอาชีพอิสระหรือเป็นลูกจ้างรายได้น้อยที่มีอาชีพเสริม และกว่า 57% มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท ฐานลูกค้า 60% อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด โดยเฉพาะภาคอีสานที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด
• พฤติกรรมการกู้ยืม: ช่วงเวลาที่มีการขอสินเชื่อมากที่สุดคือวันที่ 1 ของทุกเดือน (หรือวันหวยออก) และช่วงพักเที่ยง วงเงินกู้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 16,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่นำไปใช้เพื่อ “ทำมาหากิน” เช่น การซื้อสินค้ามาสต็อกไว้ขาย
• พฤติกรรมการชำระเงิน: ลูกค้ากว่า 70% มีคะแนนเครดิตที่ดีในฟีเจอร์ Phenix Credit Report ของแอป โดยพบว่ากลุ่ม Gen X มีวินัยในการชำระเงินดีที่สุด และลูกค้ากว่า 40% ได้รับการเพิ่มวงเงินจากพฤติกรรมการเงินที่ดี

กลยุทธ์ F.I.R.E. และฟีเจอร์ใหม่

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ฟินนิกซ์ได้ปล่อยสินเชื่อรวมกว่า 46,000 ล้านบาท และช่วยเหลือคนไทยไปแล้วกว่า 1.2 ล้านราย บริษัทดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ F.I.R.E. Ecosystem ซึ่งประกอบด้วย 4 เสาหลักคือ Finance (สินเชื่อ), Intel (ความเข้าใจทางการเงิน), Reward (รางวัลสำหรับวินัย) และ Empowerment (การสร้างโอกาสทางอาชีพ)

เพื่อต่อยอดความสำเร็จ บริษัทได้เปิดตัวแคมเปญใหม่ “เคียงคู่นักสู้ชีวิต” พร้อมไฮไลท์สำคัญคือฟีเจอร์ “อนุมัติไวสุดใน 5 วินาที” ซึ่งพัฒนาจากการอนุมัติภายใน 5 นาทีในอดีต เพื่อตอบสนองความต้องการเงินทุนอย่างเร่งด่วนของกลุ่มคนทำมาหากิน

ใช้ AI ตั้งแต่วันแรกที่ให้บริการ

FINNIX ใช้ AI ในการพิจารณาสินเชื่อทั้งหมด 100% ตั้งแต่วันแรก โดยไม่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการ บริษัทนิยาม AI ของตนว่าเป็น “AI หัวใจมนุษย์” ซึ่งหมายถึงการใช้ข้อมูลที่เข้าใจบริบทของลูกค้าในการประเมินความเสี่ยง ในการประเมินนั้น AI ให้ความสำคัญกับข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานแอปพลิเคชันของลูกค้าเป็นอย่างสูง ควบคู่ไปกับข้อมูลใบสมัครและข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือที่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีการขออนุญาตเก็บข้อมูลการใช้งานโทรศัพท์มือถือ เพื่อประเมินวงเงินสินเชื่อสำหรับผู้สมัครใหม่ และเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ ร่วมกับข้อมูลการกู้และชำระคืนเพื่อประเมินการให้สินเชื่อในครั้งต่อ ๆ ป

ผลจากการใช้ AI ทำให้ฟินนิกซ์สามารถรักษาอัตราหนี้เสีย (NPL) ให้อยู่ในระดับเลขหลักเดียวมาโดยตลอด โมเดล AI ไม่ได้ควบคุมอัตราการอนุมัติ (Approval Rate) ให้คงที่ โดยในช่วงแรกเคยสูงถึง 30% เพื่อเรียนรู้ข้อมูล และปัจจุบันได้ปรับสู่ระดับที่เหมาะสมที่ประมาณ 20% ตามพฤติกรรมของลูกค้า ประสิทธิภาพของ AI ที่ดีขึ้นสะท้อนจากการที่ลูกค้าใหม่มีพฤติกรรมการเงินที่ดีขึ้น ในอนาคต ฟินนิกซ์จะต่อยอดจากฟีเจอร์ “อนุมัติไวสุดใน 5 วินาที” และมุ่งมั่นพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ต่อไป เพื่อบรรลุเป้าหมายการช่วยเหลือ “นักสู้ชีวิต” ให้ได้ 1.4 ล้านคน และมียอดสินเชื่อรวม 57,000 ล้านบาทในปี 2568

โดยหัวใจของการประเมินวงเงินสินเชื่อคือ “ความสามารถในการจ่ายคืน” ของลูกค้า แทนที่จะพิจารณาจาก “จำนวนเงินที่ลูกค้าต้องการ” เพื่อควบคุมความเสี่ยงและทำให้ลูกค้าส่วนใหญ่อยู่กับแอปได้นาน

บทสรุปและเป้าหมายในอนาคต

ฟินนิกซ์เริ่มต้นจากแอปพลิเคชัน “ห้าให้มันนี่” ในช่วงวิกฤตโควิด-19 และเติบโตมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดสินเชื่อดิจิทัล สำหรับเป้าหมายในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือเป็น 1.4 ล้านคน และผลักดันยอดสินเชื่อรวมให้ถึง 57,000 ล้านบาท