ในโลกของคริปโทมี Gadget อย่างหนึ่งที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดเพื่อเพิ่มความปลอดภัยคือ Hardware Wallet แล้วมันคืออะไร เราจำเป็นต้องซื้อไหม เรามีคำตอบค่ะ
สรุปสั้น ๆ Hardware wallet เป็นกระเป๋าที่ใช้สำหรับเก็บ Private key ค่ะ ไม่ใช่การเอาเหรียญคริปโทที่เราซื้อไว้มาเก็บ เพราะว่าเหรียญจะยังอยู่บน onchain อยู่
เป็นรหัสลับ เหมือนกุญแจส่วนตัวของเราเพื่อให้เราสามารถควบคุมการโอน การซื้อขาย Crypto ของเราได้
ทำหน้าที่ “เซ็นชื่อ” หรือยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของเหรียญนั้นจริง และใช้เชื่อมกันกับ Public Key (กุญแจสาธารณะ) ซึ่งคนอื่นสามารถใช้ดูยอดหรือรับเหรียญจากเราได้
ดังนั้น Private Key ของคุณต้องถูกเก็บเป็นความลับและปลอดภัยตลอดเวลา เพราะถ้าใครได้ไป เขาสามารถขโมยคริปโทของคุณได้ทันที
โดยที่ตัว Hardware wallet จะไม่เปิดเผย private key ออกมาจากตัวเครื่องเลย และทุกครั้งที่เราจะโอนเหรียญหรือทำธุรกรรม ก็ต้องกดยืนยันด้วยตัวเองบนอุปกรณ์ ทำให้ปลอดภัยกว่าการเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรือมือถือ แล้วเพราะว่ามันเป็นการเก็บ Private Key แบบออฟไลน์ (ไม่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) ช่วยป้องกันความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพบนโลกออนไลน์
ซึ่ง Hardware Wallet มีอยู่ด้วยกันหลายค่ายเช่น OneKey, Trezor, Bitbox, Ledger และ KeyStone ทุกแบรนด์มีความสามารถในการเก็บ Private Key เป็นออฟไลน์เหมือนกันหมด ก็ต่างกันที่ดีไซน์และฟีเจอร์เสริม
อย่างตัวที่ปริมมีในมืออยู่ตอนนี้ คือ Ledger Stax เป็นรุ่นท็อปของแบรนด์จากฝรั่งเศสที่อยู่ในวงการมากว่า 10 ปีเลย มีหน้าจอ e-ink 3.7 นิ้วให้กดง่าย ๆ ใส่รูปได้ด้วย
อีกเรื่องควรรู้ก่อนใช้ Hardware Wellet คือการเก็บ Seed Phrase ให้ปลอดภัย
Seed Phrase คือชุดคำจำนวน 24 คำ ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อคุณตั้งค่า Hardware Wallet ครั้งแรก คำเหล่านี้ทำหน้าที่เป็น “กุญแจสำรอง” สำหรับกู้คืน Private Key และเข้าถึงกระเป๋าคริปโตของคุณได้ หากอุปกรณ์หายหรือเสีย มันคือหัวใจสำคัญของระบบความปลอดภัยในโลกคริปโท
ใครได้ Seed Phrase ของคุณ = เข้าถึงเหรียญของคุณได้ทั้งหมด
ดังนั้น ต้องเก็บไว้เป็นความลับ และอย่าแชร์กับใครเด็ดขาด
แล้วถ้าในกรณีที่ Seed Phrase ไม่เจอล่ะ?
สำหรับผู้ใช้ Ledger ตอนนี้มีฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า Ledger Recover ที่ช่วยให้คุณสามารถกู้คืนการเข้าถึงกระเป๋าได้ โดยไม่ต้องใช้ Seed Phrase (แต่ต้องเปิดใช้บริการล่วงหน้า และยืนยันตัวตน)
การมีหรือไม่มี Hardware Wallet ส่งผลอย่างมากต่อความปลอดภัยของการเก็บคริปโท โดยหากคุณมี Hardware Wallet การเก็บคริปโทของคุณจะมีความปลอดภัยสูงกว่าอย่างชัดเจน เพราะ Private Key ของคุณจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์เฉพาะที่แยกจากโลกออนไลน์ จึงลดความเสี่ยงจากการถูกแฮกหรือฟิชชิ่งได้อย่างมาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการถือคริปโตระยะยาว (HODL) และไม่ต้องการนำเหรียญไปเทรดบ่อย ๆ
แต่การใช้ Hardware Wallet ก็มีข้อเสีย เช่น ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับวิธีเก็บทั่วไป และหากผู้ใช้งานทำ seed phrase หายหรือจำรหัสผ่านไม่ได้ อาจทำให้ไม่สามารถเข้าถึงคริปโทของตัวเองได้อีกเลย
ในทางกลับกัน หากไม่มี Hardware Wallet และเลือกเก็บเหรียญไว้บน Exchange หรือ Software Wallet การใช้งานจะสะดวกกว่า เหมาะกับมือใหม่หรือผู้ที่ต้องการเทรดบ่อย ๆ โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะคุณไม่ได้ถือ Private Key ด้วยตัวเอง หาก Exchange ถูกแฮก ถูกปิด อย่างในกรณีที่เราเห็นอย่าง FTX หรือแอปที่คุณใช้โดนมัลแวร์ คุณอาจสูญเสียคริปโทไปโดยถาวร
ดังนั้น หากคุณให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในระยะยาว การลงทุนใน Hardware Wallet ก็ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า แต่หากคุณเน้นความสะดวกในการใช้งานหรือเทรดในระยะสั้น Software Wallet ก็อาจตอบโจทย์มากกว่า ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและลักษณะการใช้งานของแต่ละคนเป็นหลัก





