
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2568 โดยมีกำไรสุทธิ 1,600 ล้านบาท นับเป็นการทำกำไรติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สาม ส่งผลให้คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก สำหรับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 เป็นจำนวน 6,600 ล้านบาท
นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า การจ่ายเงินปันผลครั้งแรกนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญ ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นนี้มาจากการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA และการบริหารการเงินอย่างมีวินัย บริษัทยังคงมุ่งเน้นการสร้างรากฐานทางธุรกิจให้มั่นคง และมองหาโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยล่าสุดได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI และคลาวด์ในไทย

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) กล่าวว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 5.2 พันล้านบาท คณะกรรมการบริษัทฯ จึงอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 6.6 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.19 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 125%
สำหรับไตรมาส 3/2568 ทรูฯ มีกำไรสุทธิ 1,600 ล้านบาท โดยมี EBITDA อยู่ที่ 27,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้บันทึกรายการที่ไม่ใช่เงินสดที่เกิดขึ้นครั้งเดียว (One-Time Non-Cash) จำนวน 3,000 ล้านบาท ซึ่งเกี่ยวข้องกับการด้อยค่าสินทรัพย์จากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย หากปรับปรุงผลกระทบจากรายการดังกล่าว กำไรสุทธิหลังหักภาษี (Normalized Net Profit) จะอยู่ที่ 4,600 ล้านบาท

ในไตรมาส 3/2568 แม้รายได้จากการให้บริการ (ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย) จะลดลงเล็กน้อย 0.6% จากการชะลอตัวของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่บริษัทฯ มีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงไตรมาส 3
ขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 21.6% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงการประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) และการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการ
ด้านผู้ใช้บริการ ในไตรมาส 3/2568 มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ 46.9 ล้านเลขหมาย ลดลง 4.8% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการมุ่งเน้นสร้างฐานผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพและลดผู้ใช้งานแบบหมุนเวียน (Rotational Gross Adds) ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง
ปัจจุบัน บริษัทมีผู้ใช้บริการ 5G อยู่ที่ 15.5 ล้านราย ส่วนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับปีก่อน อยู่ที่ 3.8 ล้านราย
ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญ ไตรมาส 3/2568:





