Meta เปิดโซลูชันโฆษณา Omnichannel จากออนไลน์สู่ยอดขายออฟไลน์ กรณีศึกษาจากห้างเซ็นทรัล

Meta บริษัทแม่ของ Facebook เปิดตัวโซลูชันโฆษณา Omnichannel อย่างเป็นทางการทั่วโลกในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ เพื่อช่วยให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถผสานประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันได้อย่างไร้รอยต่อ ตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกที่นำโซลูชันนี้มาใช้และประสบความสำเร็จ

ปัจจุบัน พฤติกรรมการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมีความซับซ้อนและไม่ได้เป็นเส้นตรงอีกต่อไป โดยผู้ซื้อใช้ช่องทางเฉลี่ย 3-5 ช่องทางต่อการซื้อหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือหน้าร้าน ผู้บริโภคถึง 62% ระบุว่าจะเลิกใช้แบรนด์ที่ไม่สามารถมอบประสบการณ์ที่สอดคล้องกันทุกช่องทาง และ 73% ต้องการเห็นสินค้าคงคลังทั้งออนไลน์และหน้าร้านแบบเรียลไทม์ ความคาดหวังที่สูงขึ้นนี้ทำให้การตลาดแบบ Omnichannel กลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจ

คุณแพร ดํารงค์มงคลกุล Country Director ของ Facebook ประเทศไทย เน้นย้ำว่า “Meta พร้อมช่วยธุรกิจไทยในการใช้ประโยชน์จากโซลูชัน Omnichannel ที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างผลลัพธ์เชิงบวกอย่างแท้จริง จุดแข็งของเราคือไม่เพียงแค่วัดผลได้ครบถ้วน แต่ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพอย่างชาญฉลาด เพื่อให้ธุรกิจระบุและเข้าถึงลูกค้าที่อยู่และพร้อมซื้อทุกช่องทาง (Omni-customers) ที่มีคุณค่ามากที่สุด ไม่ว่าพวกเขาจะซื้อผ่านการคลิก การแชท หรือการเข้าร้านจริง โมเดลนี้ทำให้ธุรกิจสามารถวัดผลได้แม่นยำทุกจุดที่แบรนด์มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า สร้าง ROI ที่สูงกว่า และพัฒนาการเติบโตได้อย่างคุ้มค่า”

คุณสมบัติเด่นของโซลูชันโฆษณา Omnichannel จาก Meta

• การบูรณาการข้อมูลแบบครบวงจร: Meta Solution ช่วยรวมข้อมูลที่แยกส่วนจาก Touch Point ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจากแชท เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือข้อมูลการขายหน้าร้าน (point-of-sale) ให้มาอยู่ในที่เดียว โดยใช้เทคโนโลยี Conversion API ซึ่งเป็น server-to-server connection ที่ช่วยให้ธุรกิจส่งข้อมูลการแปลงผล (conversion data) กลับมายัง Meta ได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ข้อมูลเหล่านี้จะถูกเข้ารหัส (hashed) ก่อนส่ง เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดด้านความเป็นส่วนตัว เช่น PDPA ในประเทศไทย
• การเพิ่มประสิทธิภาพโฆษณาด้วย AI: โซลูชันนี้ขับเคลื่อนด้วย AI ในการระบุและเข้าถึงลูกค้า Omni-customer ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าการซื้อสูงกว่าลูกค้าที่ซื้อผ่านช่องทางเดียวถึง 73% AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนโฆษณาออนไลน์ให้เห็นผลทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
• ประสบการณ์การช้อปปิ้งที่เหนือกว่า: Meta พัฒนารูปแบบโฆษณาใหม่ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจในการซื้อผ่านครีเอทีฟที่มีความไดนามิกและมอบประสบการณ์ดื่มด่ำ ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ต่างๆ เช่น:
  • Store Location: โฆษณาที่เน้นตำแหน่งร้านค้าที่ใกล้ผู้บริโภค
  • Local Inventory Ads: โฆษณาที่ไฮไลต์สินค้าที่มีเฉพาะในสาขาหรือมีสต็อกพร้อมซื้อในบริเวณใกล้เคียง
  • Digital Circulars: นำเสนอข้อเสนอส่วนบุคคลในรูปแบบที่น่าสนใจ

• การวัดผลแบบ 360 องศา: ธุรกิจสามารถวัดผลกระทบของการลงทุนโฆษณาในทุกช่องทางได้อย่างครอบคลุม เห็นถึง Total Impact ของเงินลงทุน ระบบสามารถระบุยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากโฆษณา (incremental sales) และวัด Halo Impact หรือรัศมีผลกระทบที่โฆษณาออนไลน์สามารถกระตุ้นยอดขายหน้าร้านได้ ทำให้เกิดความคุ้มค่าในการลงทุน (Return on Ad Spend – ROAS) เพิ่มขึ้น
• ลดต้นทุนและเพิ่ม ROI: ธุรกิจที่ใช้โซลูชันนี้สามารถลดต้นทุนต่อการซื้อ Omnichannel ลง 15% และเพิ่มผลตอบแทนจากค่าใช้จ่ายโฆษณา (ROAS) ของยอดขายหน้าร้านขึ้น 21% เมื่อเทียบกับการเพิ่มประสิทธิภาพเฉพาะเว็บไซต์ นอกจากนี้ ธุรกิจที่ใช้โมเดลการค้าแบบบูรณาการยังสามารถลดต้นทุนการจัดส่งได้ถึง 27%

ห้างเซ็นทรัล: ผู้บุกเบิกการใช้ Omnichannel Ads จาก Meta

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เป็นบริษัทแรกๆ ของโลกที่ทดลองใช้โซลูชันโฆษณา Omnichannel ของ Meta คุณรวิศรา จิราธิวัฒน์ ประธานบริหารฝ่ายการตลาด กลุ่มห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล กล่าวว่า “Omnichannel ads ช่วยให้เรา optimize กลยุทธ์การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จาก Multi-channel tracking สู่ Omnichannel tracking สร้างผลลัพธ์สู่ business impact ที่ชัดเจน”

จากการนำ Omnichannel ads มาใช้ในช่วงมหกรรมลดราคาล่าสุด ห้างเซ็นทรัลประสบความสำเร็จด้วยผลลัพธ์ดังนี้:

• การซื้อสินค้าในรูปแบบ Omnichannel เพิ่มขึ้น 5.4 เท่า สะท้อนเส้นทางการตัดสินใจซื้อสินค้าของลูกค้าที่เชื่อมโยงระหว่างออนไลน์, แอปพลิเคชัน, และหน้าร้านได้อย่างไร้รอยต่อ
• การซื้อสินค้าที่หน้าร้านเพิ่มขึ้น 5.9 เท่า แสดงถึงอิทธิพลโดยตรงของโฆษณาดิจิทัลต่อการเข้าชมและการขายที่หน้าร้าน
• การซื้อสินค้าผ่านแอปพลิเคชัน (Central App) เพิ่มขึ้น 4.9 เท่า

คุณทัศก เทียมจรัส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจด้าน Marketing และ Social Commerce ของกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวเสริมว่า โซลูชันนี้เปรียบเสมือน “ตัวปลดล็อก” และ “Game Changer” ที่ทำให้สามารถติดตามพฤติกรรมลูกค้าที่ซื้อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างสะดวกสบาย ช่วยให้เข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้นและสามารถปรับแต่งประสบการณ์ส่วนบุคคลได้อย่างแม่นยำ

เริ่มต้นการเดินทาง Omnichannel ของคุณ

ธุรกิจที่สนใจสามารถเริ่มต้นใช้โซลูชันโฆษณา Omnichannel ได้โดย:

1. สร้างถนนข้อมูล (Conversion API): ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงข้อมูลออนไลน์และออฟไลน์ ธุรกิจสามารถดำเนินการได้ด้วยทีมเทคนิคภายในองค์กร หรือร่วมมือกับ Meta Resource Partner ที่มีความเชี่ยวชาญ
2. ปรับปรุงคุณภาพข้อมูล (Quality Signal): ข้อมูลที่ส่งผ่าน Conversion API ควรมีคุณภาพดี โดยมีคุณสมบัติครบถ้วน สม่ำเสมอ (frequency) ทันสมัย (freshness) และถูกต้อง (accuracy) Meta มีเครื่องมือและแดชบอร์ดช่วยตรวจสอบและให้คำแนะนำในการปรับปรุงคุณภาพข้อมูล
3. วางกลยุทธ์แคมเปญและการวัดผล: การตั้งค่าแคมเปญควรเน้นการสร้างประสบการณ์ส่วนบุคคล เช่น โฆษณาที่อิงตามตำแหน่งที่ตั้งและสินค้าในร้านค้าใกล้เคียง การวัดผลควรให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ที่เกินกว่า “last touch” โดยมุ่งเน้นที่การเพิ่มยอดขายในทุก Touch Point รวมถึง Halo Impact ที่กระตุ้นยอดขายหน้าร้าน

โซลูชันนี้ออกแบบมาเพื่อให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถเข้าถึงได้ คุณทัศ เทียมจร เน้นย้ำว่า “ทีมงานต้องเป็นคนที่เปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ และกล้าที่จะลอง” เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและสร้างความสำเร็จร่วมกับ Meta ความสำเร็จของห้างเซ็นทรัลไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อองค์กรเอง แต่ยังเป็นกรณีศึกษาสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมค้าปลีกทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI และ Omnichannel ในการเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง