สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) พร้อมด้วยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA), สถาบันนโยบายสาธารณะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, เทศบาลนครเชียงใหม่, ย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอก (SMID), หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และเทคซอสมีเดียลงพื้นจัดใหญ่ Pitching Day ภายใต้กิจกรรม “Hack for GOOD Well-Being Creation นวัตกรรมดีเมืองดีชีวิตดีเมืองเชียงใหม่” สำหรับปี 2566 ที่เฟ้นหาสุดยอดนวัตกรรมโซลูชันระบบหรือแอปพลิเคชันยกระดับชีวิตคนเมืองเชียงใหม่จากผู้เข้ารอบ 15 ทีมสุดท้ายในที่สุดทีม Smile Migraine แอปพลิเคชันสำหรับผู้ป่วยไมเกรนคว้ารางวัลชนะเลิศอันดับ 1 รับรางวัล 400,000 บาทพร้อมโอกาสต่อยอดนวัตกรรมในอนาคตณห้อง NSP Rice Grain Auditorium อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU STeP)
นายชัยชนะมิตรพันธ์ผู้อำนวยการ ETDA เปิดเผยว่า “จังหวัดเชียงใหม่” ถือเป็นหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญที่มีความพร้อมในเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่และประเทศ จากการศึกษา พบว่า เชียงใหม่ยังคงเผชิญกับประเด็นทางด้านสุขภาวะ ด้านความสะอาดโดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะและด้านสุขภาพ จากปัญหาฝุ่นควันและสารเคมีตกค้างในอาหาร เป็นต้น ETDA ในฐานะหน่วยงานที่มุ่งขับเคลื่อนให้ประเทศมีศักยภาพในการแข่งขัน เชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น ภายใต้ Ecosystem ที่มั่นคง ปลอดภัย ตลอดจนเร่งเครื่องยุทธศาสตร์ประเทศ ภายใต้เป้าหมาย 30:30 ทั้งการเพิ่มมูลค่าของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศเป็น 30% และอันดับความสามารถของไทยในการแข่งขันทางดิจิทัลจะต้องไม่น้อยกว่าอันดับที่ 30 จึงร่วมกับพาร์ทเนอร์โดยเฉพาะในพื้นที่ที่จะมีการปรับวิธีการทำงาน เพื่อให้เกิดการ Implementation ได้จริง นำไปสู่การส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการยกระดับชีวิตของคนในท้องถิ่นให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น ในปีนี้ทาง ETDA ได้ดำเนินการผ่านกิจกรรม “Hack for GOOD Well-Being Creation นวัตกรรมดีเมืองดีชีวิตดี” ที่เป็นอีกหนึ่งกลไกที่ไม่เพียงเฟ้นหานวัตกรรม โซลูชัน ระบบ หรือแอปพลิเคชัน ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและยกระดับชีวิตของคนเมืองเชียงใหม่ ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเท่านั้น แต่ยังร่วมสร้างและร่วมพัฒนานวัตกรรมของผู้ให้บริการและผู้พัฒนาหน้าใหม่ ได้มีโอกาสต่อยอดทางธุรกิจ ผลักดันนวัตกรรม โซลูชันสู่การใช้งานจริงด้วย ภายใต้โจทย์การแข่งขัน ที่เรียกว่า เป็นพื้นฐานที่จะช่วยส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นมีสุขภาวะที่ดีมีคุณภาพมากขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้ง Good Home บ้าน (เมือง) สะอาดดี, Good Healthcare บริการสุขภาพดี และ Good Food for Health อาหารการกินดี ที่เป็น 3 มิติที่สามารถนำ model ที่เกิดขึ้นไปสู่การต่อยอด ขยายผลไปยังพื้นที่ในภูมิภาคอื่นๆ เพื่อให้ได้นวัตกรรม โซลูชัน ที่เข้ามาแก้ปัญหาและตอบโจทย์ความต้องการของคนในพื้นที่นั้นๆ ได้มากขึ้น
กิจกรรม Hack for GOOD เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 มีทีมสมัครเข้าร่วมกิจกรรม 90 ทีม ก่อนคัดเลือกให้เหลือ 15 ทีมสุดท้าย ได้แก่ ทีม Blockchain-based Wellness PHR & Health Data Management Platform, ทีม Daywork Smart Escort, ทีม Dietz Telemedicine Station, ทีม Fitsloth, ทีม Happo – Your Mental Test Kit, ทีม Kaset Market (เกษตรมาร์เก็ต), ทีม OmegaAI, ทีม ProWam (Pro-Active Precision Water Management), ทีม S.T. Care, ทีม Smile Migraine, ทีม Talk to PEACH, ทีม Trident Intelligence Management System, ทีม We Chef Food Truck Platform, ทีมเชียงใหม่ลดเผาลดฝุ่นและทีมโปรแกรมบริหารคลินิกและสถานพยาบาลศูนย์บริการสุขภาพ Miracle Clinic System ซึ่งที่ผ่านมาทุกทีมได้เข้าร่วมกิจกรรม Workshop พัฒนาทักษะ ไอเดีย ต่อยอดนวัตกรรม โซลูชันกับหลากหลายผู้เชี่ยวชาญทั้งภาครัฐและเอกชนอย่างเข้มข้น ก่อนเข้าสู่โค้งสุดท้ายในวันนี้ (29 เม.ย.) กับการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ หรือ Pitching Day ที่ทุกทีมได้มีการนำเสนอนวัตกรรมโซลูชัน ระบบหรือแอปพลิเคชันต่อเหล่าคณะกรรมการบนเวที ภายในเวลาที่กำหนด พร้อมกับตอบคำถามจากเหล่าคณะกรรมการทั้งในมุมของ Business model การต่อยอดในระยะต่อไป การตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ แนวทางการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ ผลกระทบต่อสังคมและคนในพื้นที่ และด้านอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นประเด็นสำคัญ เพื่อให้คณะกรรมทุกท่านได้เห็นถึงศักยภาพและความโดดเด่นของสิ่งที่นำเสนอในแต่ละทีมได้เด่นชัดมากขึ้น กระบวนนี้ถือเป็นโอกาสในการแสดงศักยภาพและแนวคิดจากทีมที่เข้าประกวด และเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมชมสดทั้งในพื้นที่ และถ่ายทอดสดผ่านระบบ Zoom ร่วมกัน
จากการ Pitching นำเสนอไอเดียของทั้ง 15 ทีมและการตอบคำถามของคณะกรรมการ ก่อนที่คณะกรรมการทุกท่านจะได้ร่วมกันพิจารณาและลงคะแนนตัดสิน ในที่สุดเราก็ได้ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ไปกับ Hack for GOOD ได้แก่ ทีม Smile Migraine เจ้าของแอปพลิเคชันที่ช่วยรักษาโรคไมเกรนพร้อมๆไปกับการสร้างชุมชนชาวไมเกรนผ่านฟีเจอร์ต่างๆและปรึกษาแพทย์ได้ผ่าน Tele-Migraine ได้รับเงินรางวัล 400,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และประกาศนียบัตร, รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม Dietz Telemedicine Station เจ้าของระบบการแพทย์ออนไลน์แบบครบวงจรที่ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงแพทย์ได้ทุกที่แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่สัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง รับเงินรางวัล 300,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และประกาศนียบัตร, รองชนะเลิศอันดับ 3 ได้แก่ ทีม We Chef Food Truck Platform เจ้าของแพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยสร้างระบบนิเวศน์ Food Truck ช่วยบริหารจัดการพื้นที่สำหรับการขายอาหารให้กับธุรกิจ Food Truck สู่การสร้างรายได้อย่างมีประสิทธิภาพรับเงินรางวัล 150,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และประกาศนียบัตร และรางวัลขวัญใจกรรมการ 2 รางวัล รางวัลละ 75,000 บาท พร้อมประกาศนียบัตร ได้แก่ ทีม Talk to PEACH เจ้าของแอปพลิเคชันปรึกษาปัญหาสุขภาพทางเพศโดยไม่ต้องระบุตัวตนกับผู้เชี่ยวชาญโดยตรงและ ทีม Kaset Market (เกษตรมาร์เก็ต) เจ้าของแพลตฟอร์มที่เข้ามาช่วยเชื่อมต่อซัพพลายเออร์ด้านอาหารและร้านอาหารเพื่อให้ร้านอาหารเข้าถึงวัตถุดิบออแกนิคได้อย่างคุ้มค่าที่สำคัญยังรู้แหล่งที่มาช่วยลด Zero Waste ให้แก่อุตสาหกรรมอาหารนอกจากนี้สำหรับทีมผู้ชนะทั้ง 5 ทีมยังจะได้รับ AWS Credit พร้อมทั้งโอกาสในการทดสอบนวัตกรรมกับกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่และการสนับสนุนต่อยอดจากพาร์ทเนอร์อื่นๆ ของ ETDA ด้วย และพิเศษสุด ทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจะได้รับโอกาสในการเข้าร่วมต่อยอดนวัตกรรมในเวทีระดับประเทศ Techsauce Global Summit 2023 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
“กิจกรรม Hack for GOOD นับเป็นก้าวแรกและก้าวสำคัญของ ETDA ในยกระดับชีวิตดิจิทัลของคนในท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้ความร่วมมือระหว่างพาร์ทเนอร์ทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งจากส่วนกลางและหน่วยงานในพื้นที่ที่มาร่วมสร้างและร่วมพัฒนาให้เกิดนวัตกรรมโซลูชันระบบหรือแอปพลิเคชันที่มี Potential ซึ่งจะเข้ามาช่วยตอบโจทย์และพัฒนาชีวิตของคนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้นซึ่งผลที่ได้จากเวทีนี้จะถูกนำไปต่อยอดทดลองใช้จริงในพื้นที่ย่านนวัตกรรมการแพทย์สวนดอกซึ่งในอนาคตพื้นที่แห่งนี้จะกลายเป็น Innovation Sandbox ภายใต้การขับเคลื่อนของทุกภาคส่วนโดย ETDA หวังว่าทีมที่ได้รับรางวัลทุกทีมจะนำเงินรางวัลที่ได้ไปต่อยอดในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชันระบบหรือแอปพลิเคชันของตนเองและร่วมสร้าง Impact ให้เกิดขึ้นในระยะยาวทั้งกับสังคมและประเทศเพื่อให้คนไทยก้าวสู่ชีวิตดิจิทัลที่มีคุณภาพและยั่งยืนไปพร้อมๆกับเรา” นายชัยชนะกล่าวทิ้งท้าย