ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่ามาหลายคนอาจจะเห็น WHOOP สายรัดข้อมืออัจฉริยะที่คนดังเลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น ท็อป จิรายุส, คริสเตียนโน โรนัลโดเลือกใช้ วันนี้ CEEi.co พาไปทำความรู้จัก พร้อมไขข้อสงสัยทำไมแก็ดเจ็ตชิ้นนี้ถึงกลายเป็นเครื่องแสดงสถานะของชนชั้นไปได้
Whoop คือ อุปกรณ์วัดสุขภาพ (wearable fitness tracker) พัฒนาขึ้นโดยบริษัทสัญชาติอเมริกันชื่อเดียวกันก่อตั้งโดย Will Ahmed ซึ่งเขาได้ไอเดียตั้งแต่สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ด้วยความที่เขาชอบออกกำลังกาย ทำให้สมัยเรียนถูกชวนไปเป็นนักกีฬาสควอช จนสามารถไต่เต้าเป็นกับตันทีมของมหาวิทยาลัย
เขาเริ่มตั้งคำถามว่าการฝึกซ้อมส่งผลต่อร่างกายอย่างไร หลังจากสังเกตว่านักกีฬาหลายคนซ้อมหนักเกินไป บางคนซ้อมน้อยเกินไป บ้างก็ประเมินสมรรถภาพผิดพลาด หรือไม่เข้าใจความสำคัญของการพักฟื้นและการนอนหลับ
แม้หลายคนจะพยายามทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น แต่กลับผลักตัวเองจนถึงขีดจำกัด ด้วยเหตุนี้ Ahmed จึงมองหาวิธีการวัดและติดตามร่างกายของตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาแบบเดียวกัน
หลังจากอ่านงานวิจัยทางการแพทย์มากกว่า 500 ชิ้น เขาพบตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจร่างกายมนุษย์ได้อย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเริ่มต้นวางแผนธุรกิจ และในปี 2012 หลังจบการศึกษาระดับปริญญาตรี Ahmed ได้ก่อตั้งบริษัท WHOOP โดยร่วมมือกับ John Capodilupo ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ และ Aurelian Nicolae ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์ เพื่อพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่บนข้อมือที่มอบข้อมูลสุขภาพส่วนบุคคลให้ผู้ใช้
ภารกิจหลักของ WHOOP คือ “เพื่อปลดล็อกศักยภาพของมนุษย์” เขามองว่า หากเราเข้าใจร่างกายและพฤติกรรมของตัวเองได้ดีขึ้นก็จะสามารถดึงศักยภาพภายในออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ จนออกมาเป็นสายรัดข้อมือรุ่นแรก WHOOP 1.0 ที่เปิดตัวในปี 2015
WHOOP อยู่ในรูปแบบของสายรัดข้อมือ มาพร้อมฟีเจอร์เจาะลึกกว่าสมาร์ทวอทช์ทั่วไป สำหรับวัดสมรรถภาพร่างกาย การพักผ่อน และการฟื้นตัว (recovery) ของผู้ใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เข้าใจร่างกายตัวเองไม่ใช่แค่วัดแค่ก้าวเดินหรือแคลอรี
แถมยังสร้างความแตกต่างจากสมาร์ทวอทช์ทั่วไปตรงที่ ไม่มีหน้าจอ ซึ่งมองว่าหน้าจอนั้นเป็นสิ่งที่รบกวนสมาธิ เลยใช้วิธีเก็บข้อมูลเชิงลึก แล้วแสดงผลผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือแทน
นอกจากนั้นในรุ่นใหม่ๆ ได้เพิ่ม WHOOP Coach ซึ่งเป็นโค้ชสุขภาพและการออกกำลังกายที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI จาก OpenAI เพื่อให้คำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคนโดยเฉพาะ โดยใช้ข้อมูลชีวภาพและพฤติกรรมของผู้ใช้ร่วมกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้านสมรรถภาพ
ในช่วงแรกนั้น เขาเจาะกลุ่มไปที่นักกีฬามืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา NBA, NFL, PGA Tour, F1 และ CrossFit athlete ที่น่าสนใจคือนักกีฬาชื่อดังอย่าง LeBron James, Michael Phelps และ Cristiano Ronaldo ส่งผลให้แบรนด์ถูกมองว่าเป็นอุปกรณ์ระดับโปร
สิ่งที่ทำให้ WHOOP กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างคือ ได้รับการอนุมัติจาก MLB ให้ผู้เล่นสามารถสวมใช้งาน WHOOP Strap ระหว่างแข่งขันจริงได้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 2017 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีอุปกรณ์ตรวจวัดสุขภาพสวมใส่ตลอดเวลาได้รับการอนุมัติให้ใช้ในเกมกีฬาอาชีพในสหรัฐ
มีผู้เล่นกว่า 200 คนจาก 28 ทีมในลีกรอง (minor league) เข้าร่วม ใช้อุปกรณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นในสนามแข่งขัน ผลจากการเก็บข้อมูลทำให้ประสิทธิภาพในสนามดีขึ้น, นักกีฬานอนพักเฉลี่ยน้อยลงประมาณ 40 นาทีต่อคืนหลังเดินทาง, นักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บโดยมากมี Recovery Score ลดลงอย่างต่อเนื่องก่อนเกิดอาการบาดเจ็บ
เนื่องจาก WHOOP ไม่ได้วางตำแหน่งในตลาดให้เป็นแค่ “แก็ดเจ็ตเพื่อสุขภาพ” แต่ถูกสร้างภาพให้เป็น “เครื่องหมายบ่งบอกไลฟ์สไตล์” คล้ายกับที่ Apple Watch หรือ Peloton เคทำสำเร็จมาก่อน ส่วนสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ Whoop กลายเป็นสัญลักษณ์ของชนชั้น มีดังนี้:
ปัจจุบัน WHOOP มีมูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญ มีฐานผู้ใช้ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วสามารถสอดแทรกในตลาดที่ Apple, Fitbit หรือ Nike เคยครองตลาด เรียกว่าเข้ามาเปลี่ยนเกมด้วยการใช้ Data และข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำ พูดง่ายๆ คือ WHOOP ไม่ได้ขาย “สายรัดสุขภาพอัจฉริยะ” แต่ขาย เครื่องมือวัดศักยภาพร่างกายและการฟื้นตัวแบบนักกีฬาอาชีพ เมื่อมารวมกับเทรนด์สุขภาพมาแรง ทำให้กลายเป็นที่นิยมในกลุ่มสายฟิตเนส นักกีฬา และคนรักสุขภาพมากขึ้น