Whoscall เปิดตัวแอปหน้าตาใหม่ เน้นผู้ใช้ไทยร่วมแจ้งภัย พร้อมฟีเจอร์ส่งเรื่องถึงรายการโหนกระแส

เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) ผู้พัฒนา Whoscall แอปเตือนภัยจากโทรศัพท์และออนไลน์ ได้เปิดตัวแอปเวอร์ชันใหม่ ที่มาพร้อมหน้าตาใหม่ในงาน Whoscall Trust Conference Bangkok 2025 ภายใต้แนวคิด “Innovating for Trust, Powered by All Thais” โดยพัฒนาจากฟีเจอร์ตรวจสอบหมายเลขโทรเข้า (Caller ID) สู่การเป็นแพลตฟอร์มปกป้องภัยทางดิจิทัลแบบครบวงจรสำหรับการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ Whoscall ได้เปิดตัวภาพลักษณ์แบรนด์ใหม่ พร้อมแนะนำมาสคอต “Vee” ที่จะทำหน้าที่เป็นเพื่อนคู่คิดในการป้องกันภัยจากมิจฉาชีพ เพื่อเป็นตัวกลางเชื่อมโยงผู้คนเข้าสู่ชุมชนต้านกลโกงที่กำลังเติบโตของ Whoscall

ฟีเจอร์ใหม่ของ Whoscall เวอร์ชันใหม่

• หน้าตาแอปแบบใหม่: ดูสะอาดตาขึ้น ใช้ง่ายขึ้น และสามารถนำเสนอบริการจากพาร์ทเนอร์ได้
• Live Caller ID Plus (สำหรับ iOS): ฟีเจอร์ระบุสายเรียกเข้าแบบเรียลไทม์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ iOS เข้าถึงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ได้เช่นเดียวกับ Android
• All-in-One Content Checker: ตรวจสอบความเสี่ยงของรูปภาพ เบอร์โทรศัพท์ ข้อความ และลิงก์ได้ทันทีในที่เดียว ช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบความน่าเชื่อถือก่อนตกเป็นเหยื่อ
• ID Security: ฟีเจอร์ที่ช่วยตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนตัว เช่น เบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลของผู้ใช้เคยรั่วไหลไปที่ใดบ้าง เพื่อให้สามารถป้องกันตัวเองได้ล่วงหน้า
• ระบบสะสม Badge และ Whoscall Mission: เปลี่ยนผู้ใช้ให้เป็น “ผู้พิทักษ์” โดยได้รับคะแนนจากภารกิจประจำวัน เช่น การเช็กอิน การแนะนำเพื่อน ซึ่งสามารถนำไปแลกรับรางวัลจากพันธมิตรหรือ Whoscall Premium ได้
• Scam SOS: ฟีเจอร์ที่ช่วยแนะนำขั้นตอนการดำเนินการอย่างทันท่วงทีสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ
• Voice Alert: นวัตกรรมแจ้งเตือนด้วยเสียงสำหรับผู้ที่ไม่สามารถมองหน้าจอโทรศัพท์ได้ หรือผู้พิการทางสายตา
• Scam Alert: รวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลโกงรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ความรู้และสร้างความมั่นใจในการสื่อสาร

การยกระดับแพลตฟอร์มป้องกันภัยดิจิทัลด้วย AI และพลังคอมมูนิตี้ แอปพลิเคชัน Whoscall โฉมใหม่มาพร้อมกับระบบป้องกันภัยที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเสริมความแม่นยำด้วยเทคโนโลยี Gemini และฐานข้อมูลเว็บไซต์ต้องสงสัยกว่า 10 ล้านรายการจาก ScamAdviser นอกจากการใช้ AI แล้ว Whoscall ยังเน้นพลังจากผู้ใช้งานผ่านระบบรายงานมิจฉาชีพ ระบบสะสมรางวัล (Gamified rewards) และการมีส่วนร่วมจากชุมชน

นายแมนวู จู ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากรายงาน Whoscall Report 2025 พบว่าคนไทย 72% เคยเผชิญกับกลโกงหรือมิจฉาชีพ และ 60% เคยตกเป็นเหยื่อ โดยมีความเสียหายรวมเกิน 115,000 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึง “วิกฤตความเชื่อมั่น” ในการสื่อสารในชีวิตประจำวันของคนไทย ด้วยเหตุนี้ Whoscall จึงมีพันธกิจใหม่ในการส่งเสริมความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในสังคมไทยผ่านพลังของนวัตกรรมและผู้คน โดยมี 3 ยุทธศาสตร์หลักคือ การยกระดับ Whoscall ให้เป็นแพลตฟอร์มปกป้องภัยดิจิทัลอย่างรอบด้าน การขยายพาร์ทเนอร์ทั่วประเทศ และการสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

ซึ่งไทยเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของ Whoscall แล้ว ทางโกโกลุก จึงมาตั้งสำนักใหญ่ที่กรุงเทพ คู่ขนานกับที่ไต้หวัน โดยปัจจุบันมีผู้ดาวน์โหลดแอปในประเทศไทย 35 ล้านครั้ง และยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากในตลาดไทย ซึ่งรายได้หลักของบริษัทมาจากบริการ Premium มากกว่าโฆษณา

ราคาของ Whoscall Premium

Whoscall สามารถใช้งานได้ฟรี แต่สำหรับคนที่ต้องการใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดโดยไม่มีโฆษณา สามารถสมัครแพ็กเกจ Whoscall Premium ได้ โดยจะได้ฟีเจอร์อย่าง ระบบบล็อกเบอร์สแปมอัตโนมัติ, Smart SMS Assistant, Live Caller ID Plus, อัปเดตฐานข้อมูลอัตโนมัติ ผู้ใช้งานสามารถสมัครได้ผ่านช่องทางหลากหลาย ทั้งแอป Whoscall โดยตรง, Whoscall Gift Code หรือผ่าน LINE Gift Shop

• Individual (สำหรับ 1 บัญชี): ราคา 99 บาทต่อเดือน
• Duo (สำหรับ 2 บัญชี): ราคา 159 บาทต่อเดือน
• Family (สำหรับสูงสุด 5 บัญชี): ราคา 299 บาทต่อเดือน ซึ่งหากคิดเฉลี่ยจะตกคนละประมาณ 59 บาท
• การสมัครเป็นรายปีจะได้รับส่วนลดที่คุ้มค่ากว่าประมาณ 20%

โปรโมชันพิเศษ:

• สำหรับผู้ที่สมัคร Whoscall Premium ในแอปพลิเคชันตั้งแต่วันที่ 25 เป็นต้นไป จะได้รับส่วนลด 40% (โปรโมชันนี้จัดประมาณหนึ่งเดือน)
• หากซื้อแพ็กเกจ Premium แบบ 365 วันผ่าน LINE Gift จะได้รับส่วนลดพิเศษ 50%

ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Whoscall ได้ฟรีทั้งบนแพลตฟอร์ม iOS และ Android

การร่วมมือกับพาร์ทเนอร์

Whoscall ได้ขยายบทบาทสู่การสร้างเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่ง (Partnership Ecosystem) ซึ่งตอนนี้มีการร่วมกับหลายบริษัทเพื่อนำเสนอบริการให้กับผู้ใช้

• ความร่วมมือกับรายการโหนกระแส: เปิดตัว ปุ่ม “เรื่องนี้ต้องถึงโหนกระแส” ในแอปฯ Whoscall ซึ่งเป็นช่องทางที่เป็นทางการและปลอดภัยสำหรับประชาชนในการส่งเรื่องราวร้องเรียนไปยังรายการโหนกระแสโดยตรง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยังได้มีการยืนยันหมายเลขโทรศัพท์จริงของรายการโหนกระแสด้วย Whoscall Verify พร้อมโลโก้ เพื่อสร้างความมั่นใจเมื่อมีสายจากรายการโทรเข้ามา
• ความร่วมมือกับแสนสิริ: เพื่อสร้าง “คอมมูนิตี้ที่ปลอดภัยและน่าอยู่” ในโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ โดยเน้นการให้ความรู้และแจก Whoscall Premium ให้กับลูกบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ

บริการด้านธุรกิจ

ในงานนี้ Whoscall ยังได้แนะนำบริการสำหรับภาคธุรกิจอีกหลายอย่าง

• บริการหมายเลขธุรกิจยืนยันตัวตน (Verified Business Numbers – VBN): ได้รับการอัปเกรดเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ โดยแสดงผลชื่อและโลโก้พร้อมเครื่องหมายถูก (Whoscall Verify) ป้องกันการแอบอ้าง ช่วยเพิ่มอัตราการรับสายและระยะเวลาการสนทนากับลูกค้า Whoscall มีแผนจะเปิดให้บริการเวอร์ชันอัปเกรดอย่างเป็นทางการในไตรมาสแรกของปี 2569 โดยจะเพิ่มพื้นที่ประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ VBN ยังได้เชื่อมต่อกับ BotNoi Voice เพื่อยืนยันความถูกต้องของสายที่โทรเข้าผ่านระบบ AI Voice Assistant
  • บริการ VBN นี้มีค่าบริการ 280 บาทต่อเบอร์ต่อเดือน
• Whoscall Ads: แพลตฟอร์มโฆษณาที่ผสานข้อความของแบรนด์เข้ากับเส้นทางการโทรที่ได้รับการยืนยัน โดยวางโฆษณาในจุดที่ผู้ใช้งานไว้วางใจและมีการรับรู้สูง เช่น หน้าจอหลังได้รับ SMS, หน้าจอหลังวางสาย, หน้าแรกของแอป, ช่วงเวลาที่มีการอัปเดตฐานข้อมูลเบอร์โทร และหน้าคอนเทนต์เช็กเกอร์ จุดแข็งคือเป็น Trusted Platform, เข้าถึงผู้ใช้ในช่วง Prime Engagement และ Exclusive Visibility

นางสาวฐิตินันท์ สุทธินราพรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (Global Marketing Director) บริษัท โกโกลุก (ประเทศไทย) ย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงของ Whoscall ครั้งนี้ครอบคลุมทั้งฟีเจอร์ แบรนด์ คอนเซ็ปต์ และประสบการณ์ใช้งาน โดยมีหัวใจสำคัญคือ Community Whoscall เชื่อว่า AI เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องผสานพลังของ AI เข้ากับพลังที่แข็งแกร่งของชุมชน Whoscall จึงเชิญชวนคนไทยทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Whoscall Community เพื่อช่วยกันรายงานมิจฉาชีพ ปกป้องตนเองและสังคม และรับรางวัลตอบแทน เพราะ “ยิ่งช่วยกัน ยิ่งรู้ทัน” ก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้น Whoscall ยังเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง Global Anti-Scam Alliance (GASA) เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และต่อสู้กับมิจฉาชีพในระดับโลก

สรุปประเด็นเพิ่มเติมจากการถามตอบในงาน

การโฆษณาและประสบการณ์ผู้ใช้ (Advertising and User Experience):

• Whoscall ออกแบบให้โฆษณาเป็นแบบ “passive” คือไม่รบกวนการใช้งานปกติ แต่จะแสดงเมื่อผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากแอปแล้ว เช่น หลังวางสายจากมิจฉาชีพ
• Android มีโอกาสเห็นโฆษณามากกว่า iOS เนื่องจากมีจำนวนผู้ใช้งาน Android มากกว่าและระบบ Android มีความยืดหยุ่นในการแสดงโฆษณามากกว่าข้อจำกัดของ iOS

กลไกการตรวจสอบข้อมูลที่ผู้ใช้รายงาน (User Reporting Mechanism):

• หลังจากผู้ใช้รายงานเบอร์เข้ามา Whoscall มี AI และกลไกภายในที่ซับซ้อน เพื่อกลั่นกรองและตรวจสอบข้อมูลอย่างเข้มงวด ป้องกันการกลั่นแกล้งหรือการใช้ในทางที่ผิด จะไม่แสดงเบอร์ที่ถูกรายงานเพียงครั้งเดียวเป็นสาธารณะทันที
• ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดกลไกทั้งหมดได้ เพื่อป้องกันมิจฉาชีพหาช่องโหว่

ความแม่นยำของ AI ในฟีเจอร์ตรวจสอบเนื้อหา (AI Accuracy in Content Checker):

• ไม่สามารถระบุความแม่นยำเป็นเปอร์เซ็นต์ 100% ได้ เนื่องจาก AI ยังคงพัฒนาอยู่
• นอกจาก AI แล้ว Whoscall ยังใช้ แหล่งข้อมูลอื่นๆ มาประกอบการพิจารณา เช่น ข่าวที่เกี่ยวข้อง (related news) ฐานข้อมูลมิจฉาชีพ และการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมลที่ปรากฏในเนื้อหา เพื่อเตือนผู้ใช้และช่วยในการตัดสินใจ

ฟีเจอร์ “เรื่องนี้ต้องถึงโหนกระแส”:

• เปิดให้ใช้งานแล้ว ผู้ใช้สามารถเข้าไปกรอกรายละเอียดเรื่องราวได้ทันที
• ข้อมูลที่ส่งมาจะถูกส่งต่อไปยังทีมงานรายการโหนกระแสโดยตรง ซึ่งทีมงานจะนำไปคัดกรองและตรวจสอบตามกระบวนการของรายการ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะถูกนำไปออกอากาศ Whoscall เป็นเพียงช่องทางทางการที่ปลอดภัยในการส่งเรื่อง

การจัดการเบอร์มิจฉาชีพที่ถูกวนใช้ (Recycled Scammer Numbers):

• Whoscall พยายามร่วมมือกับ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม (telecom partners) เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการจัดการเบอร์
• ใช้ AI และ Mechanism ภายใน ในการตรวจจับเบอร์ที่ไม่ได้ใช้งานนานๆ หรือมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
• พลังของชุมชน (Community power) มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการช่วยรายงานเบอร์เหล่านี้อย่างรวดเร็ว ทำให้ AI ตรวจจับได้เร็วขึ้น