Synology ยกไทยเป็นศูนย์กลางการเติบโตในอาเซียน รุกขยายโซลูชัน NAS และระบบจัดการข้อมูลรับยุค Data Boom

Synology ชี้ว่าโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุค “Data Boom” โดยคาดการณ์ว่าปริมาณข้อมูลทั่วโลกจะพุ่งสูงถึง 175 เซตตะไบต์ (Zettabytes) ภายในปี 2025 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10 เท่าภายใน 10 ปีข้างหน้า ท่ามกลางการเติบโตนี้ Synology ได้ประกาศวางประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดยุทธศาสตร์หลักและเป็นศูนย์กลางการเติบโตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA)

การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลัง Synology สร้างยอดขายเติบโตในไทยถึง 250% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พร้อมตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่อีก 200% ภายใน 5 ปีข้างหน้า

ชี้ SEA เป็น Digital Hub – ไทยเติบโตเด่น

นางสาวธัชวรรณ ชินชนากานต์ หัวหน้าภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของ Synology กล่าวว่า ภูมิภาค SEA ได้กลายเป็น Digital Hub ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ โดยคาดว่ามูลค่าตลาดศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในภูมิภาคจะเพิ่มขึ้นจาก 13.71 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2024) เป็น 30.47 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ในปี 2030) Synology จึงวางไทยเป็นตลาดยุทธศาสตร์หลักเนื่องจากการเติบโตที่โดดเด่นในภาคอุตสาหกรรม การศึกษา และภาครัฐ

ปัจจุบัน Synology ได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยมีการติดตั้งกว่า 14 ล้านระบบทั่วโลก และได้รับความไว้วางใจจากมากกว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทใน Fortune 500

ตอบโจทย์องค์กรไทยด้าน PDPA และภัยไซเบอร์

นายรหัท บุญตันจีน ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท ซินโนโลจี้ จำกัด กล่าวว่า แม้ 90% ของธุรกิจทั่วโลกเร่งลงทุนด้านดิจิทัล แต่องค์กรไทยยังต้องเผชิญกับข้อจำกัดด้านงบประมาณและข้อกำหนด PDPA ทำให้ตลาดต้องการโซลูชันที่คุ้มค่า ใช้งานง่าย และปลอดภัย

สถานการณ์ยิ่งท้าทายมากขึ้นเมื่อผลสำรวจพบว่ากว่า 55% ขององค์กรเคยเผชิญการโจมตี แต่มีเพียง 22% เท่านั้นที่มั่นใจในระบบการกู้คืน (recovery) ของตน Synology จึงนำเสนอโซลูชัน Data Infrastructure Management ที่รวมทุกอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทั้งการจัดเก็บ (Storage), การทำงานร่วมกัน (Business Productivity), การปกป้องข้อมูล (Backup & Protection), และ ระบบเฝ้าระวัง (C2 Surveillance) ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการใช้ผู้ให้บริการหลายราย ลดต้นทุน และเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการ

เปิดตัวโซลูชันใหม่สำหรับองค์กร

เพื่อตอบโจทย์องค์กรยุคใหม่ Synology ได้เปิดตัวฮาร์ดแวร์ประสิทธิภาพสูง 2 รุ่น:

1. Active Protect: อุปกรณ์สำรองข้อมูล (backup appliance) ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลโดยเฉพาะ รองรับความจุตั้งแต่ 8TB ถึง 140TB มาพร้อมฟีเจอร์สำคัญอย่าง immutable backups (การสำรองข้อมูลที่ไม่สามารถแก้ไขได้) และการแยกระบบ (air-gap) เพื่อสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งต่อภัยคุกคามไซเบอร์
2. PAS7700: ระบบจัดเก็บข้อมูลสำหรับองค์กรแบบ All-NVMe รุ่นแรกของบริษัท มอบประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับงานสำคัญระดับ Mission-Critical ด้วยสถาปัตยกรรม NVMe ครบวงจร สามารถทำงานได้ถึง 2 ล้าน IOPS และ 30 GB/s throughput โดยมีความหน่วงต่ำกว่า 1 มิลลิวินาที

เตรียมผนึก AI ชาญฉลาดบนเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว

นอกจากนี้ Synology ยังเตรียมนำเทคโนโลยี AI เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Synology Office Suite ครอบคลุมฟีเจอร์อย่าง Semantic Search (ระบบค้นหาอัจฉริยะ), การสรุปเนื้อหา และการแปลแบบ real-time โดยมีจุดเด่นคือฟีเจอร์เหล่านี้จะทำงานบนเซิร์ฟเวอร์ภายในองค์กร (on-premise) เพื่อให้ข้อมูลสำคัญยังคงเป็นส่วนตัวและปลอดภัย

นายรหัท กล่าวทิ้งท้ายว่า “Cyber Resilience” หรือ ความยืดหยุ่นทางไซเบอร์ ได้กลายเป็นกลยุทธ์หลักขององค์กรทั่วโลก องค์กรไทยกำลังมองหาโซลูชันที่ปลอดภัย ใช้งานง่าย และบริหารจัดการได้จากศูนย์กลาง ซึ่ง Synology มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีเหล่านี้เพื่อช่วยให้ทุกองค์กรสามารถเติบโตอย่างยั่งยืนในยุค Data Boom นี้

เอกพล ชูเชิด

บรรณาธิการ CEEi ดูแลเนื้อหาด้านเทคโนโลยี Gadget ทุกประเภท