รีวิว Sony WH-1000XM6 หูฟังยอดนิยมที่ปิดจุดอ่อนจนครบ!

หูฟังครอบหูของโซนี่ตระกูล WH-1000X นั้นเป็นหนึ่งในหูฟังไร้สายยอดนิยมตั้งแต่ออกรุ่นแรกเมื่อปี 2016 ตอนนี้ผ่านมาเกือบ 10 ปีกับหูฟัง 6 รุ่น ซึ่งตัวล่าสุดที่เราจะรีวิวในวันนี้คือ Sony WH-1000XM6 ก็ถือว่าโซนี่สามารถแก้ไขจุดอ่อนที่เคยมีมาได้ครบ และปรับปรุงเรื่องที่ดีอยู่แล้วให้ดีขึ้นไปได้อีก

ดีไซน์ของหูฟัง

Sony WH-1000XM6
Sony WH-1000XM6

งานออกแบบของหูฟังรุ่นนี้ มองภายนอกไม่ต่างจาก Sony WH-1000XM5 ที่ออกเมื่อปี 2022 มากนัก แต่ก็ได้รับการปรับปรุงรายละเอียดหลายอย่าง จุดที่ชอบที่สุดคือตัวก้านหูฟังมีข้อต่อสามารถหมุนได้มากขึ้น ทำให้พับเก็บลงในกระเป๋าพกพาได้เล็กลง และมีองศาการใช้งานที่สอดรับกับศีรษะมากขึ้น นอกจากนี้แถบคาดศีรษะด้านบนก็มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยรวมทำให้ใส่สบายขึ้น และมีการปรับปรุงปุ่มกดใหม่ให้ปุ่มเปิด-ปิดเป็นปุ่มวงกลมขนาดใหญ่ คลำหาง่ายขึ้น ไม่ไปสับสนกับปุ่ม NC/AMB เหมือนรุ่นเดิม ส่วนการเชื่อมต่อสามารถต่อเสียงผ่านช่อง 3.5 mm ได้ แต่ไม่รองรับการเชื่อมต่อเสียงโดยตรงผ่านพอร์ต USB-C ครับ พอร์ตนี้ไว้มีชาร์จหูฟังเท่านั้น

ปุ่มเปิด-ปิดขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ใช้ง่ายขึ้น และแยกความรู้สึกออกจากปุ่ม NC/AMB ได้ทันที
ปุ่มเปิด-ปิดขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ใช้ง่ายขึ้น และแยกความรู้สึกออกจากปุ่ม NC/AMB ได้ทันที

ในส่วนของตัวแป้นหูฟังก็ดีไซน์อย่างละเอียดให้รองรับใบหูได้ดี มีความนุ่มนวลเวลาสวมใส่ รู้สึกได้ว่าใส่นาน ๆ แล้วร้อนน้อยกว่ารุ่นก่อน ๆ แต่เราว่าแป้นหูฟังผ้าของ AirPods Max จะรู้สึกโปร่งสบายมากกว่านิดหน่อย เพราะตัวแป้นใหญ่กว่า และผ้าให้ความรู้สึกว่าอากาศถ่ายเทได้มากกว่า (แต่ AirPods Max ก็หนักกว่ามากเช่นกัน) นอกจากนี้ความลึกของแป้นหูฟังค่อนข้างน้อยกว่าหูฟังรุ่นอื่น ๆ ถ้าใครใส่แว่นอาจจะอาจจะรู้สึกเสียงเปลี่ยนบ้าง หรือลักษณะการตัดเสียงเปลี่ยนไป เพราะการซีลเสียงของแป้นหูฟังเปลี่ยนไปครับ

ที่ประทับใจมากคือตัวเคสหูฟังปรับปรุงไปเยอะ คิดใหม่ทำใหม่ กลายเป็นเคสที่ไม่ได้ปิดด้วยซิป แต่ใช้สายรัดแล้วดูดติดด้วยแม่เหล็ก จึงเปิดด้วยมือเดียวได้ และก็ยังมีพื้นที่มากพอสำหรับสาย AUX 3.5 mm และสายชาร์จ USB-A to USB-C ในกล่อง

เคสใหม่ที่ล็อกด้วยแม่เหล็ก
เคสใหม่ที่ล็อกด้วยแม่เหล็ก

โดย Sony WH-1000XM6 เมื่อเปิดตัวมีให้เลือก 3 สี คือ ดำ, เงิน และน้ำเงินเข้ม (Midnight Blue)

สเปกด้านเสียง

การกลับมาคราวนี้ของ Sony WH-1000XM6 ปรับสเปกด้านเสียงไปหลายจุดครับ ตั้งแต่ปรับขนาดไดรเวอร์จาก 40 mm ลงมาเหลือ 30 mm แล้วจูนใหม่ให้เสียงดีกว่าไดรเวอร์ตัวเดิม โดยตอบสนองความถี่ 4 – 40,000 Hz คือรองรับ Hi-Res เต็มรูปแบบ ซึ่งจะฟังเสียงระดับ Hi-Res ได้ก็ต้องเชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่านสาย หรือเชื่อมต่อไร้สายผ่าน LDAC ที่คุณภาพสูงสุด (ซึ่งผู้ใช้ iPhone อด เพราะเชื่อมต่อได้แค่ AAC เท่านั้น) โดยหูฟังรุ่นนี้รองรับ Bluetooth Codec 4 ตัวคือ LDAC, LC3, AAC และ SBC

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีเฉพาะของโซนี่อย่าง DSEE Extreme ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพเสียงที่ไปถึงหูฟัง ให้กลับมามีลักษณะใกล้เคียงเสียง Hi-Res และภายในประกอบด้วยชิปประมวลผล 2 ตัวคือ Sony V2 สำหรับการประมวลผลเสียง และชิป Sony QN3 ที่ทำงานเรื่องการตัดเสียงรบกวนโดยเฉพาะ โดยเมื่อชิปประมวลผลเสียงได้เร็วขึ้น ก็สามารถปรับสัญญาณไปตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ครบถ้วนขึ้น เสียงรบกวนก็เลยถูกตัดออกไปมากขึ้น

ไมโครโฟนรอบตัวหูฟัง
ไมโครโฟนรอบตัวหูฟัง

Sony WH-1000XM6 ประกอบด้วยไมโครโฟน 12 ตัวรอบตัว เพื่อจับเสียงมาประมวลผลให้ได้มากที่สุด ในจำนวนนี้ก็มีไมค์สำหรับการสนทนาที่ทำให้ได้เสียงพูดที่ชัดเจนด้วย

ลักษณะเสียง

แนวเสียงของ Sony WH-1000XM6 ยังคงคล้ายกับรุ่นก่อนคือเป็นเสียงโทนอุ่นที่เน้นเบสชัดเจน แต่ก็ปรับให้เสียงร้องชัดเจนขึ้น ไม่โดนเบสท่วมจนอึดอัดเหมือนรุ่นที่แล้ว

ลักษณะเสียงของ Sony WH-1000XM6 คือ

  • เสียงเบส: ให้ความอิ่มแน่นกับเพลง เบสที่หนาเติมความอุ่นให้กับเพลง ให้รายละเอียดเบสได้ดี
  • เสียงกลาง: ให้เสียงร้องได้ดี ชัดเจน หวาน ขับออกมาให้เด่นกว่าเบสได้
  • เสียงแหลม: ให้ได้ชัดเจน แต่ไม่ใช่เสียงแบบปลายเปิด เสียงไม่ได้เคลียร์ออกมาจนเห็นอิมเมจชัดเจน เสียงแผดของกีต้าร์ไฟฟ้าไม่ได้พุ่งออกมา เสียงฉาบ แฉค่อนข้างบาง

โดยรวมแล้วเสียงของหูฟังตัวนี้จะเป็นมวล ๆ รวม ๆ เป็นก้อนเทไปทางเสียงเบสมากหน่อย ซึ่งก็น่าจะถูกจริตหลายคนที่ชอบฟังเพลงที่หนักแน่นครับ

ส่วนเรื่องการตัดเสียง Sony WH-1000XM6 ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ทำได้ดีขึ้นไปอีกจากที่รุ่นเดิมเคยทำได้ เสียงภายนอกในทุกย่านทั้งเบส เสียงพูด หรือเสียงแหลม ถูกตัดลดลงหมด เป็นหูฟังแบบครอบหูที่ตัดเสียงดีอันดับต้นของโลกในตอนนี้ (ระดับใกล้เคียงกันคือ Sonos Ace และ Bose QuietComfort Ultra) ส่วนโหมด Tranparent ก็ให้เสียงภายนอกได้ดี ใกล้เคียงกับการไม่ใส่หูฟังมาก ๆ

เสียงไมค์ดีไหม

ไมค์ของ Sony WH-1000XM6 ได้รับการปรับปรุงจากรุ่นเดิมไปเยอะมาก สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีเยี่ยม และให้น้ำหนักเสียงได้ดีใกล้เคียงกับไมค์สตูดิโอมากขึ้น และถ้าใช้กับสมาร์ตโฟนที่รองรับ Codec LC3 ก็จะได้เสียงคุยโทรศัพท์ที่ชัดเจนขึ้นอีก ซึ่งเสียงที่เราบันทึกมาให้ฟังนี้บันทึกผ่าน iPhone 17 Pro ซึ่งยังไม่รองรับ LC3 ครับ

เทียบเสียงกับหูฟังรุ่นอื่น ๆ

Sennheiser Momentum 4 และ Sony WH-1000XM6
Sennheiser Momentum 4 และ Sony WH-1000XM6

เมื่อเปรียบเทียบเสียงกับ Sennheiser Momentum 4 จะได้ยินลักษณะที่แตกต่างกันชัดเจน เสียงของ Momentum 4 นั้นโปร่งกว่า ได้ยินความใสของดนตรีมากกว่า เสียงเปียโนชัด กีต้าร์ไฟฟ้าชัด ได้ยินดีเทลช่วงเสียงแหลมได้ดี เบสแน่นระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้ลูกใหญ่เท่า Sony WH-1000XM6 ที่ให้รายละเอียดเบสเยอะ ถ้ามีไลน์เบสโซนี่ก็ได้ยินชัดกว่าใคร ส่วนเรื่องการตัดเสียง Momentum 4 ตัดเสียงได้น้อยกว่า และโหมดดึงเสียงภายนอกหรือ Tranparent ก็ยังไม่เก่งเท่า เสียงยังเป็นธรรมชาติน้อยกว่า โดยปัจจุบันเราสามารถหา Momentum 4 ได้ในราคาไม่เกิน 9,000 บาท

Sony WH-1000XM6 และ Apple Airpods Max

ส่วนเมื่อเทียบเสียงกับ AirPods Max หูฟังของแอปเปิลตัวนี้ให้เสียงโทนกลางเป็นเอกลักษณ์ เสียงนวลเนียนสม่ำเสมอกัน เบสไม่ดุ แหลมไม่บาด บางคนอาจจะว่าเสียงจืด แต่ก็เป็นเสียงที่ฟังได้ไม่เบื่อ คนละสไตล์กับ Sony WH-1000XM6 ที่ให้เบสเยอะ ส่วน Momentum 4 ก็ให้ดีเทลเสียงแหลมมาก ส่วนการตัดเสียงเป็นรองโซนี่นิดหน่อย แต่เสียง Transparent ฟังดูเป็นธรรมชาติกว่า ซึ่งก็มาในราคาที่ดุกว่าใครเพื่อน คือปัจจุบันหาได้ต่ำกว่า 20,000 นิดเดียว

ส่วนเสียงไมค์เมื่อเทียบกับ AirPods Max ในสถานการณ์เดียวกัน เป็นแบบนี้ครับ

Sony WH-1000XM6
Airpods Max

แล้วดูหนังดีไหม

หนึ่งในฟีเจอร์ของ Sony WH-1000XM6 คือ 360 Upmix for Cinema ซึ่งสามารถเปิดได้จากแอป Sony Sound Connect แล้วเลือก Listening Mode เป็น Cinema (ปกติจะเป็น Standard อยู่)

เราทดลองแล้ว เสียงจากภาพยนตร์หรือซีรีส์ต่าง ๆ ดีขึ้นมากจริง ทั้งให้เสียงที่หนักแน่นขึ้นอย่างที่การชมภาพยนตร์ควรจะเป็น เสียงพูดก็ยังชัด พร้อมมิติเสียงและเอฟเฟกต่าง ๆ ถูกปรับให้กว้างขึ้น รู้สึกเหมือนดูหนังอยู่ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งถ้าดูผ่าน Android ที่รองรับจะสามารถเปิดฟีเจอร์ Head Tracking ให้เสียงปรับตำแหน่งตามการหันของศีรษะได้ด้วย

แต่ชื่อโหมดก็บอกนะครับว่า For Cinema เพราะฉะนั้นโหมดนี้ไม่เหมาะสำหรับการฟังเพลงอย่างแรง เปิดแล้วเสียงเพลงจะฟุ้ง ๆ หลอน ๆ ไม่หนักแน่น อย่าลืมสลับโหมดให้เหมาะกับการใช้งานล่ะ

การควบคุม

ที่ตัวหูฟังตัวนี้มีปุ่มควบคุมอยู่ 2 ปุ่ม ปุ่มแรกปุ่มวงกลมขนาดใหญ่เอาไว้เปิด-ปิดหูฟัง และกดค้างเพื่อเชื่อมต่อ Bluetooth ใหม่ คือ NC/AMB หน้าที่หลักคือเปลี่ยนโหมดระหว่างตัดเสียงรบกวนภายนอกกับดึงเสียงภายนอก แต่สามารถกำหนดให้กด 2 ครั้งเพื่อเรียก Spotify และกด 3 ครั้งเพื่อเรียก Apple Music ได้ผ่านแอป Sound Connect

นอกจากนี้เรายังสามารถสั่งงานผ่านแป้นควบคุมแบบสัมผัสที่หูฟังได้ขวาได้เหมือนรุ่นก่อน โดย

  • แตะ 2 ครั้ง เล่น-หยุดเพลง หรือ รับสาย-จบสาย
  • ปัดไปข้างหน้า เปลี่ยนเพลง
  • ปัดไปข้างหลัง ย้อนเพลง
  • ปัดขึ้น เร่งเสียง
  • ปัดลง ลดเสียง
  • แตะค้าง เรียกผู้ช่วยอัจฉริยะจากมือถือ
  • ใช้ทั้งมือแตะ ลดเสียงเพลง ดึงเสียงภายนอก เพื่อคุยกับคนอื่นโดยไม่ต้องถอดหูฟัง

การควบคุมผ่านแอป Sound Connect

หูฟังจากโซนี่นั้นอัดแน่นด้วยลูกเล่นมหาศาลเสมอ ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดใช้จากแอป Sony Sound Connect คือถ้าใช้ Sony WH-1000XM6 แล้วไม่ใช้งานแอปตัวนี้ก็เหมือนฟีเจอร์หายไปเกินครึ่ง

ฟีเจอร์ที่สามารถปรับผ่านแอปตัวนี้ได้คือ

  • ปรับโหมดตัดเสียงรบกวนหรือดึงเสียงภายนอก ซึ่งสามารถจูนละเอียดได้ว่าจะให้มันปรับระดับการดึงเสียงภายนอกอัตโนมัติหรือเลือกเอง แล้วหูฟังจะจำไปใช้เมื่อกดปุ่ม ANC ที่ตัวหูฟัง
  • เลือก Listening Mode ซึ่งโหมดสำหรับฟังเพลงคือ Standard และดูหนังคือ Cinema แล้วมีอีกโหมดพิเศษคือ Background Music ที่ปรับเพลงที่เล่นอยู่ในหูฟังให้เหมือนเปิดด้วยลำโพงไกล ๆ อยู่ในห้องหรืออยู่ในคาเฟ่ ซึ่งเราว่าไม่ค่อยมีประโยชน์ เพราะที่เราใส่หูฟังก็อยากฟังเพลงชัด ๆ ไม่ใช่ฟังเพลงไม่ชัด ยกเว้นคนที่อยากตัดเสียงรบกวนภายนอก แล้วไม่อยากฟังเพลงชัด แต่เราก็ว่าเสียงมันแปลก ๆ ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติอยู่ดี
  • ปรับ EQ ให้ได้เสียงที่ต้องการ ซึ่งมีโหมด Find Your Equalizer สำหรับคนที่ปรับเองไม่เป็น ก็ให้กดเลือกเสียงที่ถูกใจไปเรื่อย ๆ สุดท้ายจะได้ EQ ที่เราชอบที่สุดมาด้วย
  • ปรับ Adaptive Sound Control ฟีเจอร์เอกลักษณ์ของหูฟังโซนี่ ที่จะใช้ GPS ในสมาร์ตโฟนเพื่อปรับรูปแบบการทำงานของหูฟังให้เหมาะสม เช่นถ้าจับได้ว่าเรากำลังเดินอยู่ ก็จะเปิดเสียงรอบข้างให้เอง หรือจับได้ว่านั่งนิ่ง ๆ ก็จะเปิดตัดเสียงรบกวนมาให้ หรือให้จดจำเป็นสถานที่ก็ได้ ว่าที่บ้านจะเซ็ตเสียงยังไง ที่ยิมเป็นยังไง แต่เราว่ามันน่ารำคาญตรงจะมีเสียง ตึ่ง ๆ แทรกระหว่างเพลงเวลาเปลี่ยนโหมด สุดท้ายเลยกดที่หูฟังเปลี่ยนโหมดเอาเองดีกว่า
  • เปิดใช้งานเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์ เช่นเชื่อมต่อหูฟังกับโน้ตบุ๊กและมือถือพร้อมกัน เวลาฟังเพลงจากมือถือแล้วสายเข้าที่โทรศัพท์ ก็กดรับได้ทันทีโดยไม่ต้องไปเชื่อมต่อกับโทรศัพท์อีก นอกจากนี้ยังสามารถลบอุปกรณ์ที่เคยเชื่อมต่อ และไม่ใช้งานแล้วออกจากหูฟังได้ด้วย
  • เปิดใช้ Speak-to-Chat โหมดอัตโนมัติที่จะหรี่เสียงเพลงลงและเปิดเสียงภายนอกเข้ามาเต็มที่เมื่อเราพูด ทำให้คุยกับคนอื่นโดยไม่ต้องถอดหูฟังได้ ซึ่งรุ่นนี้ปรับปรุงให้ทำงานแม่นขึ้นอีก พวกเสียงกระแอมจะไม่นับเป็นเสียงพูดแล้วหรี่ให้แล้ว
  • ปรับรูปแบบการเชื่อมต่อ Bluetooth เลือกได้ว่าจะเน้นคุณภาพเสียง หรือเน้นความเสถียร
  • เปิดใช้ DSEE Extreme การประมวลผลเสียงพิเศษให้เสียงใกล้เคียง Hi-Res มากขึ้น ลองเปิด-ปิดดูได้ว่าชอบเสียงที่เปิดหรือปิดมากกว่ากัน ส่วนตัวรู้สึกว่าเปิดแล้วปลายเสียงจะกระจายขึ้น เสียงแหลมมีประกายนิด ๆ
  • 360 Reality Audio Setup ตั้งค่าสำหรับการฟังเสียงในระบบ 360RA ของโซนี่ ที่ปัจจุบันหลังจาก Tidal ไม่รองรับรูปแบบนี้แล้วก็ทำให้หาเพลงแบบนี้ฟังยากขึ้น
  • เปิดการสั่งงานด้วยเสียง โดยต้องพูดว่า “Hey Headphone” ก่อน แล้วตามด้วยคำสั่งเช่น “Play Music” คือเล่นเพลง, “Go Next” เพื่อเปลี่ยนเพลง หรือ “Battery level” เพื่อระบุปริมาณแบต ซึ่งยังไม่รองรับคำสั่งภาษาไทย และถ้าใช้ในที่ที่มีเสียงรอบข้าง ก็ต้องพูดดังหน่อย
  • ตั้งค่า Quick Access กำหนดว่ากดปุ่ม NC/AMB 2 ครั้งและ 3 ครั้งจะให้ทำอะไร ค่ามาตรฐาน 2 ครั้งคือเปิดเพลงจาก Spotify Tap และ 3 ครั้งคือเปิดเพลงแนะนำจาก Apple Music
  • เปิดใช้ Head Gesture ผงกศีรษะเพื่อรับสายเข้า หรือส่ายหัวเพื่อตัดสาย
  • เซ็ตระบบ Auto Switch สำหรับการใช้หูฟังร่วมกับลำโพง Sony Linkbuds Speaker ที่จะเล่นเพลงต่อเนื่องจากหูฟังของเราเองเมื่อกลับถึงบ้าน
  • Capture Voice During a Phone Call ปรับให้ดึงเสียงภายนอกเวลาคุยโทรศัพท์ ทำให้เวลาคุยโทรศัพท์แล้วไม่เหมือนคุยในโอ่ง เพราะเราได้ยินเสียงตัวเอง
  • อัปเดตเฟิร์มแวร์ให้หูฟัง
เชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากช่อง 3.5 mm ได้ แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่าน USB-C ได้
เชื่อมต่อสัญญาณเสียงจากช่อง 3.5 mm ได้ แต่ไม่สามารถเชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่าน USB-C ได้

นอกจากนี้ยังมีโหมด Scene ที่เซ็ตให้หูฟังเปิดเพลงเองจากบริการโปรด ซึ่งเลือกได้ว่าจะให้เปิดเวลาเดิน, วิ่ง หรือเข้ายิม และให้หูฟังพูด Notification ที่เข้ามาได้ด้วย เหมาะสำหรับคนที่อยากให้หูฟังแจ้งเตือนทุกอย่างโดยไม่ต้องดูมือถือ

แล้วหูฟังรุ่นนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ Auracast ที่ทำให้รับสัญญาณเสียงจากต้นกำเนิดได้พร้อม ๆ กัน คือมีต้นกำเนิดเสียง 1 แหล่งเหมือนสถานีวิทยุ และสามารถส่งเพลงไปถึงอุปกรณ์ที่รองรับ Auracast หลาย ๆ ตัวพร้อมกันได้

โดยรวมแล้ว Sound Connect ฟีเจอร์เยอะมาก ทำอะไรได้มากจริง ก็เลือกเปิดใช้ให้เหมาะสมกับการใช้งานของเราครับ

Sony WH-1000XM6

อายุแบตเตอรี่

ตามสเปกแล้ว Sony WH-1000XM6 สามารถใช้งานได้ต่อเนื่อง 30 ชั่วโมงเมื่อเปิดการตัดเสียงรบกวน และใช้ได้นานสุด 40 ชั่วโมง ถ้าปิดโหมด ANC ครับ ส่วนถ้าใช้คุยสายจะทำงานได้ 24 ชั่วโมงถ้าเปิดการตัดเสียงรบกวน ซึ่งทดสอบในการใช้งานจริงแล้วก็ไม่ต่างจากเลขเคลมของโซนี่ ถือว่าหูฟังรุ่นนี้ทำแบตเตอรี่มาได้ดีเยี่ยม อึดกว่ารุ่นที่แล้ว

ส่วนการชาร์จใช้พอร์ต USB-C สามารถชาร์จให้เต็มได้ภายใน 3.5 ชั่วโมง และสามารถชาร์จ 3 นาทีก็ใช้งานได้ 3 ชั่วโมงครึ่งครับ

สรุป Sony WH-1000XM6

Sony WH-1000XM6 และเคส
Sony WH-1000XM6 และเคส

กลับมาในปี 2025 โซนี่ปรับปรุงหูฟังไร้สายตัวท็อปของค่ายรุ่นนี้ในทุกด้านจนสมกับเป็นหูฟังตระกูลที่ขายดีอันดับต้นของโลก ซึ่งยังคงเอกลักษณ์เรื่องเสียงที่อบอุ่น เบสหนักแน่นที่หลายคนชื่นชอบจากหูฟังซีรี่ส์นี้เอาไว้ พร้อมปรับปรุงไมโครโฟนให้ดีขึ้น เหมาะสำหรับใช้คุยสายหรือประชุมออนไลน์มากขึ้นไปอีก จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่ตัดสินใจซื้อหูฟังใหม่ในช่วงนี้

โดย Sony WH-1000XM6 เปิดตัวที่ 15,990 บาท อยู่ในระดับราคาหูฟัง Premium ของตลาด ถ้าใครชอบลักษณะเสียงของโซนี่ และชอบฟีเจอร์ความฉลาดที่หูฟังตัวหนึ่งจะมีได้ ต้องจัดเลย

บรรณาธิการ CEEi ดูแลเนื้อหาด้านเทคโนโลยี Gadget ทุกประเภท

9.0 / 10คะแนนรวม
การออกแบบ 9.0
คุณภาพเสียง 9.0
คุณภาพไมค์ 9.0
ฟีเจอร์พิเศษ 10.0
ความคุ้มค่า 8.0

Sony WH-1000XM6

The Summary

หูฟังไร้สายตัวท็อปสุดของโซนี่ ที่กลับมารุ่นล่าสุด Sony WH-1000XM6 ก็ยังตอบสนองความคาดหวังของผู้ใช้ได้ ปรับปรุงในทุกด้านให้ดีขึ้น ในลักษณะเสียงแบบเดิมที่ดีขึ้น ในราคาเปิดตัว 15,990 บาท
Pros
  • เสียงดีอย่างที่คนเคยใช้หูฟังโซนี่มาจะคาดหวังว่าต้องได้เสียงลักษณะนี้
  • คุณภาพไมค์ปรับปรุงขึ้นอีก ใช้งานคุยสายได้อย่างสบายใจ
  • ปรับปรุงดีไซน์ทำให้พับได้มากขึ้น พกพาได้สะดวกขึ้น
  • เคสคิดใหม่ด้วยล็อกแบบแม่เหล็ก ทำให้ปลดล็อกด้วยมือเดียวได้
  • เสียงสำหรับภาพยนตร์ 360 Upmix ทำงานได้ดี เปลี่ยนอารมณ์การดูหนังด้วยหูฟังไปได้เลย
  • ฟีเจอร์อัดแน่นเหมือนเคย และปรับปรุงฟีเจอร์ที่มีอยู่แล้วให้ใช้งานได้ดีขึ้น
Cons
  • ไม่ใช่ทุกฟีเจอร์จะใช้งานกับ iPhone หรือสมาร์ตโฟนบางรุ่นได้
  • ไม่มีการเชื่อมต่อสัญญาณเสียงผ่าน USB-C ต้องใช้สาย 3.5 mm เท่านั้น
  • ถ้าไม่ชอบเสียงเบสเยอะ ๆ แล้วดีเทลเสียงแหลมน้อย อาจจะไม่ชอบหูฟังรุ่นนี้

Advertisement

Sidebar Search
Popular Now
Loading

Signing-in 3 seconds...

Signing-up 3 seconds...