OPPO เผย ‘Apex Guard’ ระบบควบคุมคุณภาพใหม่ ชูการทดสอบ-การผลิต-ซอฟต์แวร์ ที่เข้มงวดกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม

OPPO เผยรายละเอียดเกี่ยวกับ “Apex Guard” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยีและระบบการควบคุมคุณภาพแบบครบวงจร มุ่งสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน ระบบนี้ครอบคลุมกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา (R&D) การผลิต ไปจนถึงบริการหลังการขาย โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความทนทานของฮาร์ดแวร์ ความลื่นไหลของซอฟต์แวร์ในระยะยาว และการบริการผู้ใช้

แนวคิดหลักของ OPPO คือ “Ultra Quality Protection System” ซึ่งแบ่งการป้องกันออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ การทนทานเหนือกว่าการใช้งานจริง, ความลื่นไหลที่เหนือกว่ากาลเวลา (ใช้งานนานหลายปี) และการสร้างมาตรฐานที่เหนือกว่าเกณฑ์อุตสาหกรรมทั่วไป

ความทนทานของฮาร์ดแวร์และการทดสอบที่เข้มข้น

OPPO ระบุว่าได้ออกแบบระบบป้องกันครบวงจรสำหรับสมาร์ตโฟนทุกรุ่น ตั้งแต่ Find X Series ที่มี Armour Shield ไปจนถึง A Series ที่มี Military-Grade Shock Resistance มาตรฐานการกันน้ำถูกยกระดับไปถึง IPX8 และ IPX9

บริษัทได้ผลักดันการทดสอบให้สูงกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรม โดยมีโครงการทดสอบรวมกว่า 180 รายการ ตัวอย่างเช่น:

• การทดสอบด้านสิ่งแวดล้อม: ใช้การทดสอบ ‘Double 85’ คือการนำโทรศัพท์ไปไว้ในอุณหภูมิ 85°C และความชื้น 85% และทดสอบการทำงานในอุณหภูมิต่ำถึง -40°C นาน 168 ชั่วโมง ขณะที่การทดสอบอุณหภูมิสูงทั่วไปในอุตสาหกรรมอยู่ที่ 65°C OPPO ได้เพิ่มการทดสอบของตนเองไปถึง 75°C
• การทดสอบการตก: ขณะที่มาตรฐานทั่วไปอาจทดสอบที่ 80 ซม. OPPO ได้เพิ่มระดับการทดสอบการตกที่ 1 เมตร, 1.2 เมตร และ 1.8 เมตร นอกจากนี้ ในรุ่น A Series ยังมีการทดสอบปล่อยตกจากความสูง 2.5 เมตร ลงบนพื้นหินอ่อน
• ความทนทานพิเศษ:
  • OPPO Find X9 Series: หน้าจอได้รับการรับรอง Five-Star Overall Drop Resistance จาก SGS และใช้ Corning® Gorilla® Glass 7i
  • OPPO Find N5 Series (จอพับ): ใช้บานพับเหล็กความแข็งแรงสูง และวัสดุ OPHS Super Strength Steel ที่ใช้เวลาพัฒนา 2.5 ปี มีกำลังคราก (Yield Strength) สูงกว่า 2,000 MPa โดยผ่านการทดสอบการพับมากกว่า 1,000,000 รอบ
  • Reno14 Series: ใช้กรอบอะลูมิเนียมเกรดอวกาศ (Aerospace-grade)
  • A6 Pro: ใช้โลหะผสม AM04 high-strength aluminum alloy

การผลิตและห้องปฏิบัติการวัสดุศาสตร์

ความแม่นยำในการผลิตเป็นอีกส่วนสำคัญ OPPO ใช้สายการผลิต SMP (Surface Mount Technology) แบบอัตโนมัตินานกว่า 95% ตั้งแต่ปี 2017 บนเมนบอร์ดของ Find X9 Pro มีชิ้นส่วนประกอบกว่า 1,900 ชิ้น ซึ่งติดตั้งผ่านกระบวนการอัตโนมัติและตรวจสอบด้วยแสง (Automated Optical Inspection) สองรอบ

OPPO ได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการวัสดุ (Materials Lab) ที่ Binhaiwan ในปี 2022 มีทีมงานกว่า 60 คน (รวม 14 PhDs) เพื่อวิจัยวัสดุใหม่ๆ ในระดับจุลภาค โดยใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน (SEM) ความละเอียด 0.5 นาโนเมตร

ตัวอย่างการพัฒนาคือวัสดุซิลิคอน-คาร์บอนในแบตเตอรี่ ที่ใช้เวลา 3 ปีในการเปลี่ยนโครงสร้างอนุภาคจากทรงเหลี่ยมเป็นทรงกลม (ขนาด 7-8 ไมโครเมตร) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อรอบการชาร์จ นอกจากนี้ยังมีห้องทดสอบแรงดึงโลหะ (Tensile Tester) ที่สามารถทดสอบแรงดึงได้สูงสุด 300 กิโลนิวตัน (kN)

ซอฟต์แวร์และความลื่นไหล

OPPO มุ่งเน้นการรักษาความลื่นไหลของระบบแม้จะผ่านการใช้งานไปนานหลายปี ภายใต้ ColorOS 16 มีเทคโนโลยีหลัก 2 ส่วน:

1. All-New Luminous Rendering Engine: เป็นสถาปัตยกรรมแอนิเมชันแบบ unified ตัวแรกของ Android ช่วยให้การเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแอปไหลลื่นขึ้น
2. All-New Trinity Engine: ประกอบด้วยเทคโนโลยีอย่าง Chip-Level Dynamic Frame Sync เพื่อแก้ปัญหาการกระตุกเมื่อสลับแอป (เช่น มีสายเข้าขณะเล่นเกม) และ Sensor-Offload ที่ช่วยลดการใช้พลังงานและความร้อนขณะถ่ายวิดีโอ 4K 60fps (ลดพลังงานลง ~16%)

OPPO ได้ตั้งมาตรฐาน “Six-Zero” ของตนเองเพื่อวัดความลื่นไหล (0 หน่วง, 0 ดีเลย์, 0 จอกระพริบ, 0 แอปเด้ง, 0 เฟรมข้าม, 0 โหลดช้า)

จุดที่สำคัญคือการจำลองการใช้งานระยะยาว (Endurance Simulation Suite) โดยจำลองการใช้งาน 48, 60 และ 72 เดือน ผลการทดสอบในห้องแล็บ เช่น การทดสอบรุ่น F29 ที่จำลองอายุ 48 เดือน พบว่าความเร็วในการเปิดแอปโทรศัพท์ แตกต่างจากเครื่องใหม่ไม่เกิน 100 มิลลิวินาที (ms)

ศูนย์ทดสอบอัตโนมัติและบริการหลังการขาย

เพื่อรองรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ OPPO ได้สร้างศูนย์ทดสอบซอฟต์แวร์อัตโนมัติที่ Binhai Bay บนพื้นที่กว่า 2,000 ตร.ม. มีโทรศัพท์สำหรับทดสอบกว่า 20,000 เครื่อง ครอบคลุมกว่า 400 รุ่น ทำงานอัตโนมัติ 24/7 เพื่อทดสอบความเสถียรของแอปต่างๆ

นอกจากนี้ยังมี:

• AI Power Consumption Lab: ห้องทดสอบการใช้พลังงานด้วย AI และหุ่นยนต์ขนส่ง
• Connectivity Lab: ประกอบด้วยห้อง OTA Anechoic Chamber (ห้องไร้คลื่นสะท้อน) สำหรับทดสอบเสาอากาศ 360°, ห้องจำลองลิฟต์เพื่อทดสอบสัญญาณอ่อน และห้อง Microwave Chamber อัตโนมัติ

ในส่วนของบริการหลังการขาย OPPO ให้บริการซ่อมด่วนภายใน 1 ชั่วโมง ผ่านศูนย์บริการกว่า 3,300 แห่ง ในกว่า 75 ประเทศ โดยมีบุคลากรกว่า 12,000 คน และสนับสนุนโดยระบบคลังอะไหล่บนคลาวด์