OPPO เปิดตัวสมาร์ตโฟน ‘OPPO Reno14 Series 5G’ ที่ยังเด่นด้าน AI Portrait Expert ถ่ายภาพคนให้ดูสวย คมชัดทุกสภาพแสง แบ่งเป็น 3 รุ่นย่อย ทั้ง Reno14 F, Reno14 และ Reno14 Pro และยังวางขายแท็บเล็ต OPPO Pad SE LTE และสมาร์ตวอทช์ OPPO Watch X2 Mini อีกด้วย
โดย OPPO Reno14 Series วางขายในไทย 3 รุ่น คือ Reno14 F, Reno14 และ Reno14 Pro โดย Reno14 F ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น ก็ได้ให้เทคโนโลยี AI Flash Photography ซึ่งเป็นแฟลชที่มีความแรงมากขึ้น ซึ่ง OPPO เคลมว่าจะช่วยให้ภาพคนได้สวย คมชัด และเป็นธรรมชาติมากขึ้น และเคลมว่าสว่างมากกว่ารุ่นที่แล้ว 100% เลยทำให้แฟลชที่แรงนี้ เหมาะกับ Gen Z ที่ชอบถ่ายภาพที่อัดแฟลชแรง ๆ เข้าหน้า
นอกจากนั้น ยังมี AI ปรับเฟรมภาพ ที่ช่วยจัดองค์ประกอบ, AI ปรับหน้าเป๊ะ ช่วยเลือกช็อตที่หน้าตาเราดีที่สุดให้, และยางลบ AI 2.0 ที่สามารถลบคนและวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพด้วย AI โดยรุ่นนี้ ได้ให้ชิปเซต Snapdragon 6 Gen 1, แรม 12GB, หน่วยความจำ 256GB, 512GB และให้แบตเตอรี่ 6,000mAh รองรับชาร์จไว 45W SUPERVOOC และมีให้เลือก 3 สี คือ สีฟ้า Opal Blue, สีชมพู Glossy Pink และสีเขียว Luminous Green โดยคราวนี้ สีขายได้มีการเพิ่มลายปลากัดเข้าไปให้ดูมีความพริ้วไหวมากขึ้นด้วย โดยจะอยู่ในสี Opal Blue
ส่วน OPPO Reno14 5G ได้เพิ่มกล้องถ่ายภาพซูม 3.5x ความละเอียด 50MP, กล้องถ่ายภาพหลัก 50 ล้านพิกเซล และกล้องมุมกว้างมาก 8 ล้านพิกเซล และแฟลช 3 ตัวที่เป็นเทคโนโลยี AI Flash Photography เหมือนกัน ตัวเครื่องใช้ชิปเซต MediaTek Dimensity 8350 แรม 12GB, หน่วยความจำ 256GB, 512GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 6,000mAh พร้อมชาร์จไว 80W SUPERVOOC ตัวเครื่องยังคงดีไซน์ลวดลายหางปลา มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Opal White และสีเขียว Luminous Green
และรุ่นท็อปสุดอย่าง OPPO Reno14 Pro 5G มาพร้อมกล้องถ่ายภาพความละเอียด 50 ล้านพิกเซลทุกตัว และสามารถถ่ายวิดีโอได้ ระดับ 4K HDR ทุกเลนส์ โดยได้ให้ชิปเซต MediaTek Dimensity 8450, แรม 12GB, หน่วยความจำ 512GB แบตเตอรี่ 6,200mAh และชาร์จไว 80W SUPERVOOC และไร้สาย 50W AIRVOOC โดยมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีขาว Opal White และสีเทา Titanium Grey โดยทั้ง Reno14 และ Reno14 Pro ก็มีลวดลายปลากัดในฝาหลังเหมือนกัน โดยจะอยู่ในสี Opal White และฟีเจอร์ใน Reno14 F ทั้งฟีเจอร์ AI และ AI Flash Photography ก็มีใน Reno14 และ Reno14 Pro ทุกอย่างเลย
นอกเหนือจากสมาร์ตโฟน OPPO ยังได้เปิดตัวอุปกรณ์เสริมใน Ecosystem อีก 2 รุ่น ประกอบด้วย OPPO Pad SE รุ่น LTE แท็บเล็ตที่ใช้ได้ทั้งซิมการ์ดและ Wi-Fi มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 9,340mAh และชาร์จไว 33W หน้าจอถนอมสายตาที่ได้รับการรับรองจาก TÜV Rheinland และลำโพงสี่ตัว นอกจากนี้ยังรองรับ AI Photo Remaster และมีโหมดสำหรับเด็กโดยเฉพาะ รวมถึงฟังก์ชัน O+ Connect ที่ช่วยให้การส่งไฟล์และเชื่อมต่อข้ามอุปกรณ์ระหว่าง Android และ iOS เป็นไปได้ง่ายขึ้น อีกรุ่นคือ OPPO Watch X2 Mini สมาร์ตวอทช์ดีไซน์หรูหรา พร้อมฟีเจอร์หลายอย่าง ทั้งโหมดการวิ่งเฉพาะทาง 100 โหมด, การประเมินการเผาผลาญไขมัน, ฟังก์ชันติดตามคุณภาพการนอนหลับ และการตรวจวัดสุขภาพขั้นสูงอื่น ๆ แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 7 วันในโหมดประหยัดพลังงาน พร้อมมาตรฐานกันน้ำ 5 ATM และกันฝุ่น IP68 ด้วย
OPPO Reno14 Series วางจำหน่ายด้วยกันหลายรุ่นและหลายความจุ โดย
โดยทั้งหมดเริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ OPPO Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และมีโปรโมชัน เมื่อซื้อในช่วงวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 และกดรับสิทธิ์ ผ่าน MY OPPO ภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เท่านั้น จะได้รับ E-VIP Plus ประกันจอแตกภายใน 1 ปี (1 ครั้งต่อปี), ประกันความเสียหายจากนํ้าภายใน 1 ปี (1 ครั้งต่อปี) และรับประกันในพื้นที่เอเชีย-แปซิฟิก (นับจากวันที่ซื้อสินค้า ผลบังคับใช้ 1 ปี)
และเมื่อซื้อรุ่น OPPO Reno14 5G หรือ OPPO Reno14 Pro 5G ในช่วงวันที่ 1 – 31 กรกฎาคม 2568 และกดรับสิทธิ์ผ่าน Google One หรือ Gemini App ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ซื้อสินค้า จะได้รับสิทธิ์ Google AI Pro ฟรี 3 เดือน มูลค่า 2,250
บาท พร้อมรับ Reno Chill Backpack มูลค่า 2,999 บาท (ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด ขอสงวนสิทธิ์จนกว่าของจะหมดโปรโมชั่นดังกล่าวเฉพาะร้านค้าที่เข้าร่วมเท่านั้น)
ส่วนอุปกรณ์เสริม และ IoT ที่เปิดตัวในงาน ประกอบไปด้วย